ผู้ค้ำประกันถูกฟ้อง ไม่สบายใจ ควรทำอย่างไรบ้าง

180148 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ผู้ค้ำประกันถูกฟ้อง ไม่สบายใจ ควรทำอย่างไรบ้าง

สิทธิของผู้ค้ำประกัน” เมื่อถูกฟ้องตามสัญญา — ต้องรู้ไว้ก่อนเสียเปรียบในศาล
ในชีวิตจริง หลายคนมัก “เซ็นค้ำประกัน” ให้เพื่อน ญาติ หรือคนรู้จัก โดยไม่รู้เลยว่าตนเองต้องรับผิดอย่างไรหากลูกหนี้ผิดนัด
และเมื่อวันหนึ่งถูกหมายศาลมาถึง กลายเป็นจำเลยโดยไม่ทันตั้งตัว — สิทธิ หน้าที่ และแนวทางการต่อสู้ของ “ผู้ค้ำประกัน” จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้


1. สิทธิของผู้ค้ำประกันตามกฎหมายใหม่
กฎหมายไทยได้แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อคุ้มครองผู้ค้ำประกันให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557 และ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีหลักสำคัญดังนี้

 (1) สิทธิเรียกลูกหนี้ก่อน (มาตรา 688)
“เมื่อเจ้าหนี้ทวงหนี้จากผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำมีสิทธิให้เจ้าหนี้ไปเรียกลูกหนี้ก่อน”
เว้นแต่กรณีลูกหนี้ล้มละลาย หรือไม่มีถิ่นที่อยู่แน่นอน
 หมายความว่า ผู้ค้ำประกันไม่จำเป็นต้องชำระแทนทันที หากลูกหนี้ยังอยู่และสามารถบังคับได้

 (2) สิทธิให้พิสูจน์ทรัพย์สินลูกหนี้ (มาตรา 689)
ผู้ค้ำสามารถพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินและสามารถชำระหนี้ได้
เจ้าหนี้ต้องบังคับลูกหนี้ก่อนจึงจะมาบังคับผู้ค้ำประกันได้

 2. กฎหมายใหม่เพิ่มการคุ้มครองผู้ค้ำประกันอย่างไร
สัญญาค้ำประกันต้องระบุให้ชัด ว่าค้ำหนี้ใด จำนวนเท่าไร หรือระยะเวลาเท่าไร
หากไม่ระบุให้ชัด ผู้ค้ำรับผิดเฉพาะเท่าที่ได้ระบุไว้เท่านั้น (มาตรา 681 วรรคท้าย)
ข้อตกลงให้ผู้ค้ำรับผิดเหมือนลูกหนี้ร่วม (joint debtor) ถือเป็นโมฆะ
เพราะทำให้ผู้ค้ำเสียสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย
เจ้าหนี้ต้องแจ้งผู้ค้ำประกันภายใน 60 วัน หลังลูกหนี้ผิดนัดชำระ
หากไม่แจ้งภายในกำหนด ผู้ค้ำอาจพ้นหรือรับผิดลดลง
ห้ามเจ้าหนี้ยืดเวลาชำระให้ลูกหนี้โดยไม่บอกผู้ค้ำ
หากเจ้าหนี้ทำเช่นนั้น ผู้ค้ำอาจพ้นความรับผิดบางส่วนตาม มาตรา 700

 3. หน้าที่และความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
หากลูกหนี้ไม่ชำระ และเงื่อนไขสัญญาค้ำถูกต้อง
เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องผู้ค้ำได้ (แต่ต้องเป็นไปตามมาตรา 688–689)
หากผู้ค้ำประกันต้องชำระหนี้แทนลูกหนี้
ผู้ค้ำมีสิทธิฟ้องลูกหนี้กลับเพื่อเรียกคืนเงินที่จ่ายแทนได้ ตาม มาตรา 693
 หมายเหตุ:
ผู้ค้ำไม่ต้องรับผิดเกินกว่า “ขอบเขตการค้ำ” เช่น
หากค้ำเฉพาะสัญญากู้ 1 ฉบับ หรือค้ำเฉพาะวงเงิน 100,000 บาท
แต่เจ้าหนี้ฟ้องเกินวงเงินดังกล่าว ผู้ค้ำต่อสู้ได้ว่าเป็นเกินขอบเขตการค้ำ


4. แนวทางการต่อสู้ของผู้ค้ำประกันเมื่อถูกฟ้อง
ประเด็นตรวจสอบ
ข้อกฎหมาย/แนวต่อสู้
ผลที่อาจเกิดขึ้น
1. สัญญาค้ำไม่ชัดเจน
ตรวจสอบว่าระบุหนี้ จำนวน ระยะเวลาไหม
ถ้าไม่ชัด ผู้ค้ำรับผิดเฉพาะส่วนที่ระบุไว้
2. มีข้อตกลงให้รับผิดเหมือนลูกหนี้ร่วม
ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะ
ผู้ค้ำพ้นจากภาระบางส่วน
3. เจ้าหนี้ไม่แจ้งภายใน 60 วัน
ฝ่าฝืน ม. 686/1 (แก้ไขใหม่)
ผู้ค้ำอาจพ้นความรับผิดหรือรับผิดเพียงบางส่วน
4. เจ้าหนี้ยืดเวลาชำระให้ลูกหนี้
ฝ่าฝืน ม. 700
ผู้ค้ำพ้นความรับผิดบางส่วน
5. ลูกหนี้มีทรัพย์ให้บังคับก่อน
ใช้สิทธิมาตรา 688–689
ให้ศาลสั่งบังคับลูกหนี้ก่อนถึงผู้ค้ำ

 ตัวอย่างแนวคำพิพากษาศาลฎีกา
ฎีกาที่ 5274/2562

ผู้ค้ำประกันฟ้องโดยอ้างว่าเจ้าหนี้ไม่ได้แจ้งภายใน 60 วันหลังลูกหนี้ผิดนัด ศาลวินิจฉัยว่าผู้ค้ำพ้นความรับผิดบางส่วน เพราะเจ้าหนี้ละเลยหน้าที่ตามกฎหมายใหม่
ฎีกาที่ 7461/2560

สัญญาค้ำประกันที่ระบุเพียงว่า “ค้ำหนี้ทั้งหมดของลูกหนี้กับธนาคาร” โดยไม่ระบุจำนวนและระยะเวลา ถือว่าค้ำไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ค้ำไม่ต้องรับผิด

 5. สรุป — ผู้ค้ำไม่ใช่แพะรับบาป หากรู้สิทธิของตน
กฎหมายใหม่ตั้งใจ “ปกป้องผู้ค้ำประกัน” จากการถูกเอาเปรียบ
ผู้ค้ำไม่จำเป็นต้องรับผิดทุกกรณี เพียงแต่ต้องรู้สิทธิและกล้าใช้สิทธินั้นในชั้นศาล

 “ก่อนเซ็นค้ำ — ต้องอ่านให้ครบทุกบรรทัด
เมื่อถูกฟ้อง — ต้องตรวจทุกเงื่อนไขในสัญญา
ผู้ค้ำมีสิทธิ์ปกป้องตัวเองได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่ผู้รับกรรมแทนลูกหนี้เสมอไป”

 


จัดทำโดย......ทนายตรินัยน์  โชติเศรษฐ์ภาคิน และเพื่อน (นบ., นบท.)

 

 

Powered by MakeWebEasy.com