63 จำนวนผู้เข้าชม |
ฉ้อโกงประชาชน vs ฉ้อโกงธรรมดา ต่างกันหรือไม่อย่างไร
คดีฉ้อโกงเป็นความผิดที่พบได้บ่อยในสังคมไทย หลายคนเคยถูกหลอกลวงให้เสียทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายของแล้วไม่ได้ของ การกู้ยืมเงินแล้วไม่คืน หรือแม้แต่การลงทุนแชร์ลูกโซ่ ซึ่งกฎหมายอาญาได้กำหนดความผิดฐานฉ้อโกงไว้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะที่คนมักสงสัยว่า “ฉ้อโกงธรรมดากับฉ้อโกงประชาชนต่างกันอย่างไร?” บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน
1. ความหมายของความผิดฐานฉ้อโกง
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ระบุว่า
“ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงที่ควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือทำให้บุคคลที่สามได้ไปซึ่งทรัพย์สิน หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
กล่าวโดยสรุป ฉ้อโกงธรรมดา คือ การหลอกลวงบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่อเอาทรัพย์สิน เช่น
ยืมเงินโดยสัญญาว่าจะคืนแต่เจตนาไม่คืนตั้งแต่แรก
ขายของโดยอ้างสรรพคุณเกินจริงแล้วไม่ได้ตามที่บอก
แอบอ้างชื่อผู้อื่นเพื่อให้โอนเงิน
2. ความหมายของความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน อยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ซึ่งบัญญัติว่า หากการฉ้อโกงนั้นมีลักษณะหลอกลวงประชาชนจำนวนมาก หรือใช้การโฆษณา จะมีโทษหนักกว่าฉ้อโกงธรรมดา
ตัวอย่างเช่น
การประกาศลงทุนผ่านโฆษณาในสื่อมวลชนหรือสื่อออนไลน์ โดยหลอกให้ประชาชนจำนวนมากร่วมลงทุน (แชร์ลูกโซ่)
การโฆษณาขายสินค้าที่ไม่มีอยู่จริง เช่น ประกาศขายที่ดิน รถยนต์ หรือคอนโด โดยหลอกให้หลายคนโอนเงินมัดจำ
การเปิดเพจรับโอนเงินแล้วหนีหาย มีผู้เสียหายจำนวนมาก
3. ความแตกต่างระหว่างฉ้อโกงธรรมดาและฉ้อโกงประชาชน
แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่ทั้งสองความผิดมีจุดต่างที่สำคัญ ดังนี้
จำนวนผู้เสียหาย:
ฉ้อโกงธรรมดา มักเกิดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มเล็ก ๆ
ฉ้อโกงประชาชน มักมีผู้เสียหายจำนวนมากในเวลาเดียวกัน
วิธีการหลอกลวง:
ฉ้อโกงธรรมดา ใช้การพูดจา หรือตกลงกันโดยตรง
ฉ้อโกงประชาชน มักใช้การโฆษณา การประกาศ หรือสื่อสาธารณะเพื่อหลอกลวงหลายคนพร้อมกัน
ผลกระทบ:
ฉ้อโกงธรรมดา กระทบต่อผู้เสียหายเฉพาะราย
ฉ้อโกงประชาชน กระทบต่อความเชื่อมั่นในสังคมวงกว้าง
4. บทลงโทษทางกฎหมาย
โทษฉ้อโกงธรรมดา (มาตรา 341)
จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โทษฉ้อโกงประชาชน (มาตรา 343)
จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากเป็นการโฆษณาผ่านสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อออนไลน์ ศาลอาจพิจารณาโทษหนักขึ้น
ตัวอย่างคดีจริง
การทำ “แชร์ลูกโซ่” หลอกให้คนจำนวนมากร่วมลงทุน ศาลพิพากษาลงโทษในฐานะฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากเป็นการหลอกลวงโดยโฆษณาต่อสาธารณะ
การกู้ยืมเงินจากเพื่อนบ้านแล้วไม่คืน ถือเป็นฉ้อโกงธรรมดา เพราะมีผู้เสียหายรายเดียว
5. ข้อควรระวังและคำแนะนำ
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง ควรปฏิบัติดังนี้
ตรวจสอบก่อนเชื่อ: หากมีใครเสนอการลงทุนหรือขายสินค้าผ่านโฆษณา ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัด
ระวังคำโฆษณาเกินจริง: โดยเฉพาะที่อ้างผลตอบแทนสูงผิดปกติ
เก็บหลักฐานทุกครั้ง: ไม่ว่าจะเป็นสลิปโอนเงิน ข้อความสนทนา หรือเอกสารสัญญา
หากถูกหลอก: รีบแจ้งความที่สถานีตำรวจหรือแจ้งผ่านระบบออนไลน์ พร้อมนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่
สรุป
“ฉ้อโกงธรรมดา” และ “ฉ้อโกงประชาชน” แม้ต่างกันเพียงบริบทของผู้เสียหายและวิธีการหลอกลวง แต่ผลทางกฎหมายแตกต่างอย่างมาก โดยเฉพาะโทษของฉ้อโกงประชาชนที่หนักกว่า เพราะมีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง การรู้จักแยกแยะความผิดทั้งสองรูปแบบ จะช่วยให้เราปกป้องสิทธิของตนเองได้ และหากถูกหลอกลวง ก็ควรรีบดำเนินการตามกฎหมายทันที เพื่อไม่ให้คนร้ายลอยนวล
ทนายตรินัยน์ นบ, นบท