39 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อบิดาเสียชีวิต ทรัพย์สินที่เหลือ เช่น เงินฝากในธนาคาร จะกลายเป็น “กองมรดก” ที่ต้องแบ่งปันให้ทายาทโดยธรรมอย่างเท่าเทียม แต่ในบางกรณี อาจมีทายาทบางคนไปเบิกเงินมรดกมาก่อนโดยพลการ เช่น กรณีที่บุตรคนที่ 2 เบิกไป 200,000 บาท และยังให้ลูกสาวของตนเบิกไปอีก 50,000 บาท ทำให้กองมรดกเหลือเพียง 250,000 บาท ปัญหาคือ ผู้จัดการมรดกจะทำอย่างไร เพื่อคุ้มครองสิทธิของทายาททุกฝ่าย?
ปัญหาทางกฎหมาย
เงินมรดกเป็นทรัพย์ส่วนรวมของทายาททุกคน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 เป็นต้นไป
การที่ทายาทคนใดเบิกไปก่อน ถือว่าเป็นการได้รับ “ส่วนแบ่งเกินกว่า” สิทธิของตน
ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่โดยตรง ในการรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ตาย จัดทำบัญชีทรัพย์สิน และแบ่งปันตามกฎหมายให้ทายาท
สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดก
เรียกคืนทรัพย์ที่เบิกไปก่อน
ผู้จัดการมรดกมีสิทธิเรียกร้องให้ทายาทที่เบิกเงินไปคืนเข้าสู่กองมรดก เพื่อรวมทรัพย์สินทั้งหมดให้ครบถ้วนก่อนแบ่งปัน
จัดทำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้จัดการมรดกต้องจัดทำบัญชีที่ชัดเจน ว่าเงินมรดกเดิมมีเท่าใด ใครเบิกไปแล้วเท่าไร และยังเหลืออยู่เท่าไร
ขออำนาจศาลบังคับ
หากทายาทที่เบิกเงินไปไม่ยอมคืน ผู้จัดการมรดกสามารถยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งบังคับได้
ดำเนินการแบ่งปันอย่างเป็นธรรม
หลังจากรวบรวมทรัพย์แล้ว ต้องแบ่งปันตามกฎหมายให้ทายาททั้ง 5 คนอย่างเท่าเทียม
ทางออกที่เหมาะสม
เจรจากับทายาทที่เบิกเงินไปก่อน เพื่อให้คืนหรือยินยอมให้หักออกจากส่วนแบ่งของตนเองเมื่อต้องแบ่งทรัพย์
หากตกลงกันไม่ได้ ผู้จัดการมรดกควรใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อบังคับให้คืนเงินเข้ากองมรดก
จัดการอย่างโปร่งใสและยุติธรรม เพราะผู้จัดการมรดกมีหน้าที่เป็น “ผู้ดูแลกองมรดก” ไม่ใช่ผู้เข้าข้างทายาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
บทสรุป
ในคดีมรดก ความโปร่งใสและความเป็นธรรมเป็นสิ่งสำคัญ การที่ทายาทบางคนเบิกเงินไปก่อน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้สิทธิเกินกว่าคนอื่น เพราะผู้จัดการมรดกสามารถเรียกคืน หรือปรับหักจากส่วนแบ่งของทายาทผู้นั้นได้ เพื่อให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมตามกฎหมาย
หากครอบครัวคุณกำลังเจอปัญหาแบบนี้ ควรรีบปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านคดีมรดก เพื่อหาทางออกที่ถูกต้อง ป้องกันความขัดแย้ง และรักษาสิทธิของทายาททุกฝ่าย
ทนายตรินัยน์ นบ, นบท ทนายวิเชียรบุรี, เพชรบูรณ์