ม.1299 วรรคสอง กับที่ดิน น.ส.3: ศาลฎีกามีสองแนวทางใช้ได้หรือเฉพาะโฉนด? ใครมีเหตุผลเหนือกว่า

74 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ม.1299 วรรคสอง กับที่ดิน น.ส.3: ศาลฎีกามีสองแนวทางใช้ได้หรือเฉพาะโฉนด? ใครมีเหตุผลเหนือกว่า

แนวทางที่วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง นำมาใช้บังคับกับที่ดิน น.ส. 3 ด้วยนั้น มีเหตุผลทางหลักกฎหมายที่หนักแน่นและได้รับการยอมรับเป็นบรรทัดฐานในปัจจุบันมากกว่า

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราจะวิเคราะห์เหตุผลของทั้งสองแนวทางไปพร้อมกัน 

## วิเคราะห์เหตุผลทางกฎหมายของแต่ละแนวทาง 

แนวทางที่ 1: ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง "ใช้บังคับ" กับที่ดิน น.ส. 3 (แนวทางหลักในปัจจุบัน)
 

แนวทางนี้มองว่า แม้ น.ส. 3 จะไม่ใช่โฉนดที่ดินที่ให้ "กรรมสิทธิ์" แต่ผู้ทรงสิทธิใน น.ส. 3 ก็มี "สิทธิครอบครอง" ซึ่งถือเป็น "ทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์" ประเภทหนึ่ง

หลักเหตุผลที่สนับสนุน:

การตีความตามตัวอักษรของกฎหมาย (Literal Interpretation): ⚖️

มาตรา 1299 บัญญัติถึงการได้มาซึ่ง "อสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์" ซึ่งเป็นถ้อยคำที่กว้าง
ที่ดิน ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม ถือเป็น "อสังหาริมทรัพย์" โดยสภาพ
"สิทธิครอบครอง" ในที่ดิน น.ส. 3 แม้ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ แต่ก็เป็นสิทธิที่ใช้ยันต่อบุคคลอื่นได้โดยทั่วไป จึงมีลักษณะเป็น "ทรัพยสิทธิ" อย่างหนึ่ง
ดังนั้น เมื่อ "สิทธิครอบครอง" ในที่ดิน น.ส. 3 เข้าองค์ประกอบของถ้อยคำในมาตรา 1299 ทุกประการ จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่นำบทบัญญัตินี้มาใช้บังคับ
การตีความตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย (Purposive Interpretation):

เจตนารมณ์หลักของมาตรา 1299 วรรคสอง คือ เพื่อคุ้มครองบุคคลภายนอกที่สุจริต เสียค่าตอบแทน และได้จดทะเบียนสิทธิของตนแล้ว
แม้ระบบทะเบียนของที่ดิน น.ส. 3 ที่สำนักงานที่ดินอำเภอ จะไม่สมบูรณ์เท่าระบบทะเบียนของโฉนดที่ดิน แต่มันก็คือ "ระบบทะเบียน" ที่กฎหมายรับรองให้ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิเบื้องต้นได้
หากไม่นำมาตรา 1299 วรรคสอง มาใช้กับที่ดิน น.ส. 3 จะเกิดผลร้าย คือ บุคคลภายนอกที่ไปซื้อที่ดินโดยตรวจสอบทะเบียนที่สำนักงานที่ดินอำเภออย่างดีแล้ว อาจต้องสูญเสียสิทธิให้แก่ผู้ที่ได้สิทธิครอบครองปรปักษ์ (แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน) ซึ่งจะทำให้การทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน น.ส. 3 ขาดความน่าเชื่อถือและไม่มั่นคง 

แนวทางที่ 2: ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง "ไม่ใช้บังคับ" กับที่ดิน น.ส. 3 (แนวทางเดิม/ส่วนน้อย) 

แนวทางนี้จะตีความคำว่า "การจดทะเบียน" อย่างแคบ โดยมองว่ามุ่งถึงการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเท่านั้น

หลักเหตุผลที่สนับสนุน (ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่า):

การมุ่งเน้นที่ "กรรมสิทธิ์" และระบบทะเบียนที่สมบูรณ์:

แนวคิดนี้มองว่า มาตรา 1299 เป็นบทบัญญัติหลักว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนของทรัพยสิทธิที่สำคัญ จึงน่าจะมุ่งหมายถึง "กรรมสิทธิ์" ซึ่งเป็นสิทธิสูงสุด และระบบทะเบียนที่ให้ผลเด็ดขาด (Conclusive Effect) ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งก็คือ โฉนดที่ดิน
มองว่า "สิทธิครอบครอง" เป็นสิทธิที่ด้อยกว่า และการจดทะเบียนใน น.ส. 3 เป็นเพียงการจดแจ้ง ไม่ใช่การจดทะเบียนที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสิทธิอย่างแท้จริง
ธรรมชาติของสิทธิครอบครอง:

การได้มาหรือสิ้นไปซึ่งสิทธิครอบครองนั้น โดยหลักแล้วเกิดจากการ "ยึดถือ" ตามความเป็นจริง การโอนสิทธิครอบครองก็ทำได้โดยการ "ส่งมอบ" การครอบครอง (ป.พ.พ. มาตรา 1377, 1378) จึงอาจมองได้ว่าไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับระบบทะเบียนอย่างเคร่งครัดเท่ากรรมสิทธิ์ 

## บทสรุปและข้อวินิจฉัย

⚖️ แนวทางที่ 1 มีเหตุผลที่หนักแน่นและสอดคล้องกับหลักนิติศาสตร์มากกว่า ด้วยเหตุผลดังนี้

สอดคล้องกับตัวบทกฎหมาย: การตีความว่า "สิทธิครอบครอง" เป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่ง และที่ดิน น.ส. 3 เป็นอสังหาริมทรัพย์ เป็นการตีความที่ตรงไปตรงมาและไม่มีการบิดเบือนถ้อยคำในมาตรา 1299
คุ้มครองความสงบเรียบร้อยของสังคม: แนวทางนี้ส่งเสริมความมั่นคงในการทำนิติกรรม คุ้มครองคนที่สุจริตและพึ่งพาระบบทะเบียนของรัฐ ไม่ว่าจะสมบูรณ์ในระดับโฉนดหรือเป็นเพียงทะเบียนของ น.ส. 3 ก็ตาม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
เป็นบรรทัดฐานของศาลฎีกาในปัจจุบัน: แนวคำพิพากษาศาลฎีกาในช่วงหลังได้ยึดถือแนวทางที่ 1 เป็นหลักในการวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับที่ดิน น.ส. 3 อย่างสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในเหตุผลของแนวทางนี้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรมที่สุดแล้ว

ทนายตรินัยน์   นบ, นบท    ทนายเพชรบูรณ์

Powered by MakeWebEasy.com