94 จำนวนผู้เข้าชม |
รถโดนจำนำโดยที่ลูกไม่รู้! ทำไมลูก (ผู้เช่าซื้อ) ถึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืนรถจากผู้รับจำนำ?
บทนำ: ข้อพิพาทในครอบครัวที่กลายเป็นคดีใหญ่
หลายครอบครัวมักจะมีการผ่อนรถร่วมกัน โดยมีคนหนึ่งเป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อ (เช่น ลูก) แต่อีกคน (เช่น แม่) เป็นผู้ใช้รถและช่วยผ่อนชำระ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากวันหนึ่งรถคันนี้ถูกนำไปจำนำกับบุคคลภายนอกโดยที่ลูกซึ่งเป็น "ผู้เช่าซื้อ" ไม่ทราบเรื่องเลย?
ในทางปฏิบัติ หลายคนคงคิดว่าในฐานะผู้เช่าซื้อและผู้ร่วมผ่อนชำระย่อมมีสิทธิเต็มที่ในการติดตามรถคืน แต่ในคดีนี้กลับมีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า "โจทก์ (ลูก) ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลย (ผู้รับจำนำ) คืนรถได้" บทความนี้จะวิเคราะห์เหตุผลทางกฎหมายว่า ทำไมศาลจึงวินิจฉัยเช่นนั้น โดยจะอธิบายถึงความสัมพันธ์ทางกฎหมายที่ซับซ้อนระหว่าง ผู้เช่าซื้อ ผู้ครอบครองรถ และผู้รับจำนำ พร้อมทั้งไขความกระจ่างว่า สิทธิในการฟ้องร้องจะเกิดขึ้นได้เมื่อใด และกรณีใดที่แม้จะเป็นผู้ผ่อนชำระ ก็ไม่อาจติดตามทรัพย์สินคืนได้ด้วยตัวเอง
ข้อเท็จจริงของคดี: เมื่อสิทธิการครอบครองถูกมอบให้ผู้อื่น
ข้อเท็จจริงในคดีนี้สรุปได้ดังนี้:
สถานะรถยนต์: รถยนต์คันพิพาทเป็นรถที่โจทก์ (ลูก) ทำสัญญา เช่าซื้อ จากบริษัทไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง
สถานะการครอบครอง: โจทก์ได้มอบการครอบครองและการใช้รถยนต์พิพาทให้แก่ มารดาโจทก์เป็นสิทธิขาด ที่จะใช้สอยรถยนต์
การจำนำ: มารดาโจทก์เป็นผู้นำรถยนต์ไปจำนำกับจำเลย โดยที่โจทก์ไม่ทราบเรื่อง
ปัญหาทางกฎหมาย: โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเพื่อเรียกให้คืนรถยนต์พิพาทหรือใช้ราคา
ผลการวินิจฉัย: ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยคืนรถยนต์พิพาทหรือใช้ราคาได้
ข้อกฎหมายและเหตุผลแห่งคดี: "ผู้ไม่มีสิทธิยึดถือ" เท่านั้นจึงจะถูกฟ้องได้
การวินิจฉัยของศาลตั้งอยู่บนหลักกฎหมายสำคัญ 3 ประการ:
1. ใครคือเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง?
ตามสัญญาเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังเป็นของบริษัทไฟแนนซ์ (ผู้ให้เช่าซื้อ) จนกว่าโจทก์จะผ่อนชำระครบถ้วน โจทก์จึงมีสถานะเพียง ผู้เช่าซื้อ ซึ่งมีสิทธิครอบครองและใช้สอยเท่านั้น โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถ ตามมาตรา 1336 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติว่า "เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้"
2. สิทธิการครอบครองตกอยู่กับใคร?
แม้โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อ แต่โจทก์ได้ มอบการครอบครองและการใช้รถยนต์ให้เป็นสิทธิขาดแก่มารดาโจทก์ แล้ว
เมื่อมารดานำรถไปจำนำ สัญญาจำนำจึงเป็นเรื่องระหว่างมารดากับจำเลย (ผู้รับจำนำ)
โจทก์ไม่ได้เป็นคู่สัญญาจำนำ จึงไม่อาจฟ้องเรียกคืนรถตามสิทธิในสัญญาจำนำได้ และการที่โจทก์ได้มอบการครอบครองรถให้มารดาใช้สอยเป็นสิทธิขาดแล้ว ถือว่า โจทก์ได้สละสิทธิการยึดถือรถยนต์พิพาทเป็นการชั่วคราว
3. ผู้รับจำนำ (จำเลย) มีสิทธิยึดถือทรัพย์หรือไม่?
ในคดีนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองรถยนต์พิพาทอยู่แล้วในขณะฟ้อง เพราะมอบให้มารดาไปแล้ว เมื่อจำเลยรับรถไว้จากมารดาโจทก์ตามสัญญาจำนำ โจทก์จึงไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินจากจำเลยได้ เพราะจำเลยได้รับมอบรถมาจากผู้ที่โจทก์มอบสิทธิให้ครอบครองใช้สอยแต่แรกนั่นเอง (กล่าวคือ จำเลยไม่ใช่บุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ เมื่อมองจากมุมของโจทก์)
ดังนั้น ผู้มีอำนาจฟ้องเรียกคืนรถที่แท้จริงคือ บริษัทไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เท่านั้น
ข้อแนะนำแก้ไข: ผู้เช่าซื้อควรทำอย่างไรในทางปฏิบัติ?
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้เช่าซื้อ (โจทก์) ควรดำเนินการตามแนวทางต่อไปนี้เพื่อรักษาสิทธิของตนเอง:
แจ้งบริษัทไฟแนนซ์ทันที: เนื่องจากไฟแนนซ์คือ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง และเป็นผู้มีอำนาจฟ้องเรียกคืนรถตามกฎหมายโดยตรง เมื่อรถถูกนำไปจำนำ ถือเป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อควรแจ้งให้ไฟแนนซ์รับทราบและดำเนินการฟ้องร้องเรียกคืนรถจากผู้รับจำนำ
แจ้งความดำเนินคดีอาญา: การที่มารดาโจทก์นำรถที่อยู่ในสัญญาเช่าซื้อไปจำนำ ถือเป็นความผิดฐาน ยักยอกทรัพย์ (แม้จะให้มารดาใช้ แต่ก็ยังถือว่าโจทก์ต้องรับผิดชอบต่อไฟแนนซ์) โจทก์อาจพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับมารดาโจทก์เพื่อกดดันให้มีการไถ่ถอนรถคืน
เจรจาไถ่ถอนแทน: หากไม่ต้องการให้เรื่องถึงศาล หรือไม่ต้องการให้ไฟแนนซ์มายึดรถ โจทก์ควรดำเนินการไถ่ถอนจำนำรถคืนจากจำเลยให้เสร็จสิ้น โดยขออำนาจหรือการมอบอำนาจที่ถูกต้องจากมารดาโจทก์ หรือทำสัญญาประนีประนอมกับจำเลยโดยตรง
บทสรุป
คดีนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ตอกย้ำหลักการพื้นฐานในกฎหมายทรัพย์สินของไทยว่า: "ผู้ที่จะฟ้องติดตามเอาทรัพย์คืนได้ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ที่ยังคงมีสิทธิครอบครองเหนือผู้อื่น" การเป็นเพียงผู้เช่าซื้อ แม้จะผ่อนชำระอยู่ แต่หากได้ มอบการครอบครองรถให้ผู้อื่นใช้สอยไปโดยสิทธิขาด แล้ว เมื่อบุคคลนั้นนำรถไปจำนำ ผู้เช่าซื้อก็จะ หมดอำนาจฟ้องร้อง เพื่อเรียกคืนรถจากผู้รับจำนำได้ด้วยตนเองทันที ทางแก้ไขที่ถูกต้องคือต้องให้เจ้าของกรรมสิทธิ์ (บริษัทไฟแนนซ์) เป็นผู้ดำเนินการ หรือดำเนินการแก้ไขในฐานะผู้เช่าซื้อเพื่อรักษาสัญญาของตนเอง
จัดทำโดย....ทนายตรินัยน์ นบ, เนติบัณฑิตไทย