18 จำนวนผู้เข้าชม |
 
                    บทนำ
 
บ่อยครั้งที่ภายหลังการเสียชีวิตของเจ้ามรดก "ผู้จัดการมรดก" จะได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นมาดูแลและบริหารจัดการทรัพย์สินของกองมรดก อย่างไรก็ตาม บางครั้งการดำเนินการของผู้จัดการมรดกอาจนำไปสู่ความขัดแย้งกับทายาทคนอื่น ๆ ได้
ตัวอย่างปัญหาที่พบบ่อย: ผู้จัดการมรดกขายที่ดินมรดกโดยไม่ปรึกษาทายาทคนอื่น หรือทำบัญชีรายรับรายจ่ายเองโดยมีการลงรายการค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผลหรือไม่ได้รับการรับรอง เช่น "ค่าจัดงานศพ" ที่สูงเกินควร "ค่าจัดหาเครื่องรางของขลัง" หรือ "ค่าดำเนินการ" ที่ไม่มีเอกสารหลักฐานรองรับ
ผลกระทบ: การกระทำเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความสงสัยในความสุจริตและความชอบธรรมของการจัดการมรดก
คำถามสำคัญ: หากทายาทไม่เห็นด้วยกับการจัดการมรดก หรือผู้จัดการมรดกมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม ทายาทสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง? ทายาทสามารถร้องขอต่อศาลให้ถอนผู้จัดการมรดกหรือขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วมได้หรือไม่?
 
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
 
การจัดการมรดกต้องเป็นไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
 
อำนาจและหน้าที่ของผู้จัดการมรดก
 
มาตรา 1711 บัญญัติว่า:
“ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อดำเนินการใด ๆ อันเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก”
ข้อพิจารณา: ผู้จัดการมรดกมักจะขายทรัพย์มรดกโดยพลการ หากไม่ปรึกษาทายาท หรือไม่มีเหตุจำเป็นเพื่อชำระหนี้สิน หรือค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าฌาปนกิจ หรือภาษีอากรค้างชำระ
การกระทำที่บกพร่อง: การขายที่ดินโดยที่ ไม่มีมติหรือความยินยอมจากทายาททั้งหมด หรือไม่มีเหตุจำเป็นตามกฎหมาย อาจถือเป็นการกระทำที่มิชอบและเป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนได้
 
การเพิกถอนผู้จัดการมรดก
 
มาตรา 1727 (ซึ่งเป็นมาตราที่เกี่ยวข้องกับการเพิกถอนโดยศาล) และ มาตรา 1713 (เดิมที่อาจอ้างถึงความไม่สมควร) ระบุถึงการดำเนินการเมื่อผู้จัดการมรดกขาดคุณสมบัติหรือกระทำผิดหน้าที่:
"ศาลอาจสั่งเพิกถอนผู้จัดการมรดกได้ หากปรากฏว่าผู้จัดการมรดกไม่ปฏิบัติหน้าที่, กระทำการโดยไม่สุจริต, หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีได้"
สิทธิของทายาท: ทายาทสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อ เพิกถอนผู้จัดการมรดก ที่มีพฤติการณ์บกพร่อง
ทางเลือกอื่น: ทายาทอาจร้องขอต่อศาลให้ ตนเองเป็นผู้จัดการมรดกร่วม เพื่อเข้ามาร่วมตรวจสอบดูแลการจัดการมรดกให้ถูกต้องตามกฎหมาย
 
การตรวจสอบบัญชีมรดก
 
มาตรา 1733 กำหนดหน้าที่ของผู้จัดการมรดกเกี่ยวกับบัญชี:
“ผู้จัดการมรดกต้องจัดทำบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน รายรับ และรายจ่ายของกองมรดก”
สิทธิของทายาท: หากผู้จัดการมรดกไม่จัดทำบัญชี หรือทำขึ้นโดยไม่มีหลักฐานการใช้จ่ายที่ชัดเจน ทายาทสามารถร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่ง “เรียกบัญชีมรดก” มาตรวจสอบได้
 
 
แนวคำพิพากษาศาลฎีกา
 
คำพิพากษาของศาลฎีกาเป็นแนวทางยืนยันอำนาจของทายาทในการดำเนินการทางกฎหมายเมื่อผู้จัดการมรดกไม่ปฏิบัติหน้าที่:
คำพิพากษาฎีกาที่ 1882/2546: ศาลวินิจฉัยว่า การที่ผู้จัดการมรดกขายที่ดินโดยไม่ปรึกษาทายาท และเพิกเฉยต่อการแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย ถือว่า “เป็นการไม่สมควรที่จะเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป” ศาลจึงมีอำนาจเพิกถอนผู้จัดการมรดกเดิมและตั้งผู้อื่นแทนได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 7478/2555: ศาลพิพากษาให้มี “ผู้จัดการมรดกร่วม” เนื่องจากผู้จัดการมรดกเดิมไม่รายงานผลการจัดการและเปิดเผยข้อมูลต่อทายาทคนอื่น ๆ ศาลมองว่าเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงสมควรให้ทายาทคนอื่นเข้ามาเป็นผู้จัดการมรดกร่วม
คำพิพากษาฎีกาที่ 6159/2559: ศาลมองว่า การขายทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกต้องกระทำไป “เพื่อประโยชน์แก่กองมรดก” เท่านั้น ในกรณีที่ขายโดยไม่มีเหตุจำเป็นและไม่ได้ความยินยอมจากทายาท ถือเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกสามารถร้องขอให้เพิกถอนการขายนั้นได้
 
 
บทสรุปและขั้นตอนการดำเนินการของทายาท
 
หากทายาทพบว่าผู้จัดการมรดกกระทำการทุจริต ขายทรัพย์มรดกโดยไม่มีเหตุจำเป็น หรือทำบัญชีไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทายาทสามารถดำเนินการดังนี้:
-ขอตรวจสอบบัญชีมรดกต่อศาล: ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งเรียกบัญชีทรัพย์สิน รายรับ และรายจ่ายทั้งหมดของกองมรดกมาตรวจสอบ
ยื่นคำร้องขอเพิกถอนผู้จัดการมรดก: เมื่อพบพฤติการณ์ทุจริต ไม่จัดทำบัญชี หรือขายทรัพย์มรดกโดยไม่มีเหตุจำเป็น สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกเดิม
-ขอเป็นผู้จัดการมรดกร่วม: ในกรณีที่เห็นว่าผู้จัดการมรดกเดิมไม่เปิดเผยข้อมูลหรือไม่ให้ความร่วมมือ ศาลอาจพิจารณาแต่งตั้งให้ทายาทคนอื่นเข้ามาร่วมจัดการมรดกได้
-รวบรวมหลักฐานประกอบคำร้อง: หลักฐานสำคัญที่ต้องรวบรวม เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน รายการเดินบัญชี รายการโอนเงิน หรือข้อความการติดต่อต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่บกพร่องและไม่สุจริตของผู้จัดการมรดก
 
ข้อคิดจากทนายความ
 
“อำนาจของผู้จัดการมรดกไม่ใช่กรรมสิทธิ์ในมรดก แต่เป็นเพียงหน้าที่ในการบริหารจัดการให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทายาททุกคน” หากทายาทพบเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทำลายสิทธิของตนเอง อย่าปล่อยปละละเลย เพราะศาลพร้อมให้ความคุ้มครองทายาททุกคนให้ได้รับการแบ่งปันมรดกอย่างถูกต้องและยุติธรรม
จัดทำโดย ... ทนายตรินัยน์ นบ, เนติบัณฑิตไทย