9233 จำนวนผู้เข้าชม |
หลักกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาพิเศษตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572
“เช่าซื้อคือสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ขายตกลงให้ผู้ซื้อเช่าทรัพย์สินโดยให้มีสิทธิซื้อทรัพย์นั้นภายหลัง...”
ทรัพย์สินยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าซื้อจนกว่าจะชำระครบทุกงวด
หากผู้เช่าซื้อผิดนัด บริษัทมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกคืนรถได้
อย่างไรก็ตาม การฟ้องเรียกค่าเสียหายต้องเป็นไปตาม หลักความเป็นธรรมและกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
ศาลมักพิจารณาตามความสมเหตุสมผลของข้อสัญญาและพฤติการณ์ของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย
แนวทางการต่อสู้คดีรายกรณี
กรณีที่ 1 – คืนรถแล้ว
สิทธิและแนวทางต่อสู้:
ตรวจสอบว่าผู้ให้เช่าซื้อได้ “รับคืนรถโดยสมัครใจ” หรือ “ยึดคืนรถ”
หากเป็นการคืนโดยสมัครใจ → ถือว่า สัญญาเลิกแล้วตามข้อตกลงข้อ 13
แต่บริษัทไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาเกินสมควร
ต่อสู้ได้ว่า บริษัทได้รับประโยชน์จากการนำรถไปขายแล้ว
จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องยอดค้างชำระทั้งหมดอีก
แนวฎีกา:
ฎีกาที่ 3252/2566
ผู้เช่าซื้อคืนรถโดยสมัครใจ แม้ยังไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบทุกข้อ
แต่ผู้ให้เช่าซื้อรับรถไว้ ถือว่ายอมผ่อนผันเงื่อนไขบางส่วน การเลิกสัญญาสมบูรณ์
ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนเกิน
กรณีที่ 2 – ยังไม่คืนรถ
สิทธิและแนวทางต่อสู้:
ตรวจสอบว่า บริษัทได้ “บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ” อย่างถูกต้องหรือยัง
เพราะตามกฎหมาย ต้องมีหนังสือบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร
หากยังไม่มีการบอกเลิก → ผู้ให้เช่าซื้อยังไม่มีสิทธิฟ้องเรียกทั้งต้นเงิน
หากรถยังอยู่กับผู้เช่าซื้อ → ต่อสู้ได้ว่า ยังคงมีสิทธิคงสัญญาและพร้อมชำระหนี้บางส่วน
เพื่อขอผ่อนผันหรือไกล่เกลี่ยในชั้นศาล
แนวฎีกา:
ฎีกาที่ 4049/2546
หากผู้ให้เช่าซื้อยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา ไม่อาจเรียกค่าเสียหายหรือเรียกรถคืนได้
กรณีที่ 3 – รถหาย
สิทธิและแนวทางต่อสู้:
หากรถสูญหายโดยเหตุสุดวิสัย (เช่น ถูกโจรกรรม และมีการแจ้งความ)
ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดในความสูญหายนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 607
แต่ถ้าผู้เช่าซื้อประมาทเลินเล่อ (เช่น จอดทิ้งไว้โดยไม่ล็อคกุญแจ)
อาจต้องรับผิดบางส่วน
บริษัทประกันภัย (ถ้ามี) ต้องเป็นผู้รับผิดชดใช้ก่อนตามกรมธรรม์
และบริษัทลีสซิ่งไม่มีสิทธิเรียกยอดขาดราคาซ้ำซ้อน
แนวฎีกา:
ฎีกาที่ 2941/2554
รถเช่าซื้อถูกโจรกรรม ผู้เช่าซื้อแจ้งความและไม่มีส่วนรู้เห็น ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายส่วนต่าง
สิทธิของผู้ค้ำประกันในคดีเช่าซื้อ
ผู้ค้ำประกันมีสิทธิยก ข้อต่อสู้เดียวกับผู้เช่าซื้อ ได้
ถ้าผู้เช่าซื้อคืนรถแล้ว → ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดซ้ำ
หากผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้บอกเลิกสัญญาถูกต้อง → ผู้ค้ำประกันย่อมไม่ต้องรับผิดเช่นกัน
ฎีกาที่ 7165/2557
บริษัทฟ้องผู้ค้ำประกันทั้งที่ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ถือว่าไม่ชอบ ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิด
สรุปแนวทางปฏิบัติเมื่อถูกฟ้องคดีเช่าซื้อ
สถานการณ์
สิทธิ/แนวทางสู้
ผลที่คาดว่าจะได้
คืนรถแล้ว
ต่อสู้ว่าผู้ให้เช่าซื้อรับรถโดยสมัครใจ การเลิกสัญญาสมบูรณ์
ลดหนี้ เหลือเพียงค่าขาดราคาเหมาะสม
ยังไม่คืนรถ
ขอศาลไกล่เกลี่ย ขอชำระบางส่วน หรือแสดงความพร้อมส่งคืน
ศาลอาจให้ผ่อนชำระ หรือเจรจาประนอมหนี้
รถหาย
ยกเหตุสุดวิสัย หรือให้บริษัทประกันชดใช้
อาจไม่ต้องรับผิดหรือรับผิดเพียงบางส่วน
ข้อคิดจาก “ทนายตรินัยน์”
“คดีเช่าซื้อรถยนต์ไม่ได้หมายความว่าถูกฟ้องแล้วต้องแพ้เสมอไป”
สิทธิของผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันยังคงได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
เพียงแต่ต้องรู้ประเด็นต่อสู้ และใช้สิทธินั้นอย่างถูกต้องในชั้นศาล
ตรินัยน์ โชติเศรษฐ์ภาคิน (น.บ. , เนติบัณฑิตไทย สมัยที่ ๕๙)
