55 จำนวนผู้เข้าชม |
หมิ่นประมาท, การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ
โลกธุรกิจยุคโซเชียล คำพูดหรือโพสต์เพียงครั้งเดียว อาจนำไปสู่คดีอาญาได้ถึง 2 ฐานความผิด
1. ความผิดฐานหมิ่นประมาท
ความหมายตามกฎหมาย: การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้นั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326–333)
ลักษณะความผิด:
ต้องมี “บุคคลที่สาม” รับรู้ข้อความหมิ่นประมาท
ไม่จำเป็นต้องเป็นข้อความเท็จ หากเป็นข้อความจริงแต่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ก็เข้าข่ายความผิด
บทลงโทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ตามมาตรา 326)
ผลกระทบในทางธุรกิจ:
เสื่อมเสียชื่อเสียงองค์กร
สูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าและคู่ค้า
2. ความผิดฐานการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ
ความหมายตามกฎหมาย: การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14)
ลักษณะความผิด:
ต้องเป็น “ข้อมูลเท็จ” ไม่ตรงกับความจริง
ต้องมีลักษณะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล องค์กร หรือประชาชน
บทลงโทษ: จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผลกระทบในทางธุรกิจ:
ข่าวลือทางออนไลน์ที่สร้างความเข้าใจผิด
ลูกค้าตัดสินใจผิดพลาด ส่งผลต่อรายได้
3. ความแตกต่างระหว่างสองฐานความผิด
หมิ่นประมาท → เน้นที่การทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง แม้ข้อความจะจริงก็ผิดได้
เผยแพร่ข้อมูลเท็จ → เน้นที่การนำ “ข้อมูลเท็จ” เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แม้ไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ถ้าเป็นเท็จและก่อให้เกิดความเสียหายก็ผิด
ดังนั้น หมิ่นประมาท ≠ การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ แต่บางกรณีอาจถูกฟ้องทั้งสองฐานพร้อมกัน เช่น โพสต์ข้อความใส่ร้ายที่เป็นเท็จในโซเชียลมีเดีย
4. แนวทางป้องกันและข้อควรระวัง
คิดให้รอบคอบก่อนโพสต์หรือแชร์ข้อมูล
ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
หากถูกกล่าวหาควรเก็บหลักฐานและใช้สิทธิทางกฎหมาย ไม่โต้ตอบด้วยคำพูดเสียหาย
องค์กรควรอบรมพนักงานเกี่ยวกับการใช้โซเชียลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
✅ สรุป
ในยุคดิจิทัล ความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดฐานการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เป็นสองฐานความผิดที่แยกจากกันชัดเจน แต่ทั้งสองล้วนส่งผลรุนแรงต่อธุรกิจและชื่อเสียงของบุคคล การรู้เท่าทันและระมัดระวังในการสื่อสารออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ทนายตรินัยน์ นบ, นบท