ทวงเงินค่าจ้างก่อสร้างผ่านโซเชียล ระวังกลับกลายเป็นจำเลยคดีหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

75 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทวงเงินค่าจ้างก่อสร้างผ่านโซเชียล ระวังกลับกลายเป็นจำเลยคดีหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ทวงเงินค่าจ้างก่อสร้างผ่านโซเชียล
ระวังกลับกลายเป็นจำเลยคดีหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

บทนำ
ในชีวิตจริง เจ้าของบ้านหรือผู้ว่าจ้างก่อสร้างมักประสบปัญหาผู้รับจ้างรับเงินไปแล้วแต่ไม่ทำงานให้เสร็จตามสัญญา เมื่อทวงถามไม่ได้ก็มักหันไปพึ่งโซเชียลมีเดียเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ ผู้ว่าจ้างอาจถูกฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาทและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กลายเป็นฝ่ายจำเลยแทน


ประเด็นทางกฎหมาย
สัญญาจ้างทำของ (มาตรา 587 ป.พ.พ.)

ผู้รับจ้างต้องทำงานเสร็จตามที่ตกลงไว้
หากทำไม่เสร็จหรือบกพร่อง ต้องคืนค่าจ้างหรือชดใช้ค่าเสียหาย
ความผิดฐานหมิ่นประมาท (มาตรา 326 และ 328 ป.อาญา)

หากผู้ว่าจ้างโพสต์ข้อความที่ทำให้ผู้รับจ้างเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง → อาจเข้าข่ายความผิด
ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และ 16

หากมีการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จหรือเผยแพร่ภาพทำให้เสียหาย อาจถูกดำเนินคดีได้
พ.ร.บ.การทวงถามหนี้

กำหนดวิธีการทวงหนี้ที่เหมาะสม ห้ามข่มขู่ คุกคาม หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
แม้ผู้ว่าจ้างอาจไม่ใช่ “เจ้าหนี้ตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้” โดยตรง แต่คู่กรณีอาจนำมาอ้างได้

สิทธิของผู้ว่าจ้าง
เรียกร้องเงินคืนหรือค่าเสียหาย จากผู้รับจ้างได้โดยการฟ้องศาลแพ่ง
มีสิทธิทวงถามโดยสุจริต แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
ยกข้อต่อสู้ในคดีหมิ่นประมาท ว่าเป็นการติชมโดยสุจริตเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองตามมาตรา 329

ความเสี่ยงในการโพสต์
การโพสต์ข้อความหรือรูปภาพในที่สาธารณะ ทำให้บุคคลที่สามรับรู้ → เสี่ยงเข้าข่ายหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งโทษหนักกว่าการพูดปากเปล่า
แม้จะเป็นเรื่องจริง หากใช้ถ้อยคำรุนแรง ดูหมิ่น เหยียดหยาม → ก็ยังอาจผิดกฎหมายได้
ผู้ว่าจ้างจึงควรใช้ช่องทางตามกฎหมาย เช่น การฟ้องศาลแพ่ง หรือยื่นร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แทนการโพสต์ประจาน

แนวทางการต่อสู้คดีของจำเลย
ยกข้อเท็จจริงเป็นการติชมโดยสุจริต (มาตรา 329 ป.อาญา)

หากโพสต์ข้อความโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสิทธิ เรียกร้องเงินคืนที่ตนมีสิทธิได้รับ และทำโดยสุจริต ไม่เจตนาทำลายชื่อเสียง
ยืนยันความจริงของข้อความ

หากสิ่งที่โพสต์เป็นข้อเท็จจริง เช่น จ่ายเงินครบแล้วแต่งานไม่เสร็จ → สามารถนำหลักฐานการโอนเงิน สัญญาจ้าง และภาพการก่อสร้างมาพิสูจน์
ชี้ให้เห็นว่าผู้ว่าจ้างเป็นผู้เสียหาย

จำเลยสามารถอ้างได้ว่าตนเองเป็นฝ่ายเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของผู้รับจ้าง การโพสต์เป็นเพียงการร้องขอความเป็นธรรม
ต่อสู้ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

หากข้อความเป็นความจริงและไม่ใช่ข้อมูลเท็จ → ย่อมไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ขอให้ศาลพิจารณาเจตนา

เน้นว่าการโพสต์มิได้มีเจตนาหมิ่นประมาท แต่เพื่อปกป้องสิทธิและประโยชน์ของตน

แนวฎีกาที่น่าสนใจ
ฎีกาที่ 4388/2539
จำเลยโพสต์ข้อความกล่าวถึงการทำงานที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ศาลวินิจฉัยว่าเป็นการใช้สิทธิป้องกันสิทธิของตน และเป็นการติชมโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท


ฎีกาที่ 1246/2540
การบอกกล่าวข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนี้สินที่เกิดขึ้นจริง เพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนเอง เป็นการติชมโดยสุจริต ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท


ฎีกาที่ 2005/2558
การโพสต์ข้อความในลักษณะบอกเล่าเรื่องหนี้จริง โดยไม่ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยาม ถือเป็น การติชมโดยสุจริตเพื่อปกป้องสิทธิ ไม่เป็นความผิด


ฎีกาที่ 5505/2559
การโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กโดยมีหลักฐานยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริง ศาลถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์


ฎีกาที่ 3577/2562
แม้ข้อความที่โพสต์จะกระทบต่อชื่อเสียงโจทก์ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าข้อความนั้นเป็นความจริง และจำเลยมีเจตนาปกป้องสิทธิ ไม่ได้มุ่งทำลายชื่อเสียง → ศาลถือว่า ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

แนวทางต่อสู้ของจำเลยโดยอ้างฎีกา
การโพสต์ทวงเงินเป็นการ แสดงสิทธิเรียกร้องหนี้ที่มีอยู่จริง ไม่ใช่การใส่ความเท็จ
เป็น การติชมโดยสุจริต ตามมาตรา 329 ป.อาญา เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง
หากข้อความตรงกับข้อเท็จจริง เช่น มีสัญญาจ้าง, หลักฐานการจ่ายเงิน, งานไม่เสร็จ → ยิ่งเป็นเหตุให้ไม่ผิด
อ้างฎีกาข้างต้นประกอบ เพื่อชี้ให้ศาลเห็นว่าแนวทางการตีความของศาลสูง มุ่งคุ้มครองผู้ใช้สิทธิสุจริต

บทสรุป
กรณีผู้ว่าจ้างจ่ายเงินค่าก่อสร้างครบถ้วน แต่ผู้รับจ้างไม่ทำงานให้เสร็จ หากโพสต์ทวงหนี้ผ่านโซเชียลอาจกลายเป็นจำเลยคดีหมิ่นประมาทและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้

ทางออกที่เหมาะสมคือควรใช้สิทธิทางศาล ฟ้องเรียกเงินคืนหรือค่าเสียหายตามสัญญาจ้าง ส่วนในคดีอาญาที่ถูกฟ้องกลับ ผู้ว่าจ้างสามารถต่อสู้ได้ว่าการกระทำเป็นการติชมโดยสุจริตเพื่อปกป้องสิทธิ มิได้เป็นการใส่ความโดยไม่จริง


ทนายตรินัยน์    นบ, นบท  ทนายเพชรบูรณ์  วิเชียรบุรี

Powered by MakeWebEasy.com