58 จำนวนผู้เข้าชม |
บทนำ
การเช่าซื้อรถยนต์เป็นสัญญาที่คนไทยจำนวนมากคุ้นเคย แต่เมื่อเกิดเหตุขาดส่งค่างวด ปัญหามักเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นการยึดรถคืน การบอกเลิกสัญญา หรือการขายทอดตลาดรถยนต์ที่ยึดคืนมา โดยเฉพาะคำถามยอดฮิตว่า “เมื่อรถถูกยึดไปแล้ว ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดอีกหรือไม่?”
กรณีนี้สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริง: ผู้เช่าซื้อขาดส่งค่างวด 2 งวดตั้งแต่ปี 2563 บริษัทเข้ายึดรถคืนในปี 2564 แต่เพิ่งมีหนังสือบอกเลิกสัญญาในปี 2567 และนำรถไปขายทอดตลาดจนยังเหลือหนี้ส่วนต่างอยู่ถึง 180,000 บาท คำถามคือ ใครต้องรับผิดชอบ?
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572
เช่าซื้อถือเป็นการเช่าอย่างหนึ่ง แต่มีเงื่อนไขว่าเมื่อผู้เช่าซื้อชำระครบทุกงวดจึงจะได้กรรมสิทธิ์
มาตรา 574
ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ เจ้าของมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกรถคืน
พระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค และแนวคำพิพากษาศาลฎีกา
หากผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบด้วยขั้นตอน เช่น ไม่แจ้งให้ผู้เช่าซื้อรับทราบอย่างเป็นทางการ → การยึดรถอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน (ป.พ.พ. มาตรา 680)
ผู้ค้ำต้องรับผิดในหนี้ที่ลูกหนี้หลักยังคงต้องรับผิดอยู่เท่านั้น หากการบอกเลิกสัญญาไม่ชอบ หนี้ที่อ้างว่าขาดอาจไม่เกิด
การวิเคราะห์ข้อเท็จจริง
ผู้เช่าซื้อผิดนัดตั้งแต่ปี 2563
บริษัทเข้ายึดรถคืนปี 2564 แต่ไม่มีหลักฐานการบอกเลิกสัญญาและการยึดรถอย่างเป็นทางการ
บริษัทเพิ่งมีหนังสือบอกเลิกสัญญาในปี 2567 และขายทอดตลาดภายหลัง
ญหาคือ
การบอกเลิกสัญญาล่าช้า ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงการยึดรถในปี 2564
ไม่มีหลักฐานการยึดรถหรือการหักกลบลบหนี้ที่โปร่งใส
การขายทอดตลาดที่เหลือหนี้ 180,000 บาท อาจถูกโต้แย้งได้ หากขั้นตอนการบอกเลิกและการยึดรถไม่ถูกต้อง
ความรับผิดของผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน
หากการบอกเลิกสัญญาและการยึดรถ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย → ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำอาจไม่ต้องรับผิดในหนี้ส่วนต่าง
หากบริษัทไม่สามารถพิสูจน์ขั้นตอนการบอกเลิกสัญญาและการยึดรถคืนได้ ศาลอาจมองว่า สิ้นสุดสัญญาเช่าซื้อแล้วตั้งแต่ยึดรถไป ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำไม่ต้องชำระหนี้ส่วนต่างเพิ่มเติม
แต่หากศาลเห็นว่าการบอกเลิกแม้จะล่าช้า แต่ยังมีผล → ผู้เช่าซื้ออาจต้องรับผิดในหนี้ส่วนต่าง แต่ผู้ค้ำสามารถยกข้อต่อสู้เรื่องขั้นตอนที่ไม่ถูกต้องเพื่อลดหรือปฏิเสธความรับผิดได้
บทสรุป
ในกรณีเช่าซื้อรถยนต์ หากบริษัทผู้ให้เช่าซื้อยึดรถคืนไปแล้ว แต่ไม่มีหนังสือบอกเลิกสัญญา ไม่มีหลักฐานการยึดรถอย่างถูกต้อง และเพิ่งมาบอกเลิกสัญญาภายหลัง การเรียกเก็บหนี้ส่วนต่างจากผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำ อาจไม่มีผลตามกฎหมาย
ดังนั้น ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำควรตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด โดยเฉพาะ
หนังสือบอกเลิกสัญญา
หลักฐานการยึดรถ
รายละเอียดการขายทอดตลาด
หากไม่ถูกต้องครบถ้วน สามารถใช้เป็นแนวทางต่อสู้คดีได้
คำแนะนำ: หากท่านหรือครอบครัวถูกเรียกเก็บหนี้ส่วนต่างจากสัญญาเช่าซื้อ ควรรีบปรึกษาทนายความ เพื่อประเมินว่าหนี้นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และควรวางแนวทางการต่อสู้คดีอย่างรอบคอบ
ทนายตรินัยน์ เนติบัณฑิตไทย