42 จำนวนผู้เข้าชม |
บทนำ
หลายคนที่ตกเป็นจำเลยมักลังเล ไม่แน่ใจว่าควรเชื่อคำแนะนำของทนายหรือไม่ บางครั้งทนายบอกให้ “รับสารภาพ” แต่จำเลยกลับอยาก “สู้คดี” ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่เป็นคุณ ขณะที่บางคนถูกฟ้องคดีแพ่งขาดอายุความ แต่ไม่ยอมว่าจ้างหรือเชื่อคำแนะนำของทนาย ทำให้เสียสิทธิไปโดยไม่จำเป็น บทความนี้จะชี้ให้เห็นด้วยกฎหมายและฎีกาว่า การเชื่อมั่นในทนายคือการปกป้องสิทธิของคุณอย่างแท้จริง
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คดีอาญา: ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กำหนดว่า หากจำเลยรับสารภาพ ศาลอาจลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
คดีแพ่ง: อายุความเป็น “ข้อต่อสู้” ของจำเลย หากไม่ยกขึ้น ศาลไม่มีอำนาจวินิจฉัยเอง
คดีอาญา – เมื่อพยานหลักฐานครบ การรับสารภาพคือทางรอดที่แท้จริง
หลายจำเลยคิดว่าการสู้จนถึงที่สุดคือความกล้าหาญ แต่ในความจริง หากพยานหลักฐานครบถ้วน โอกาสรอดมีน้อยมาก และการต่อสู้โดยไม่มีทางชนะ อาจทำให้โทษหนักกว่าเดิม
ฎีกาที่ 2056/2527: จำเลยรับสารภาพ ศาลลดโทษกึ่งหนึ่งตาม ม.78
ฎีกาที่ 1213/2539: จำเลยยอมรับผิดตั้งแต่ชั้นสอบสวนและชั้นศาล ศาลเห็นถึงความสำนึกผิด จึงลดโทษและรอการลงโทษได้
สาระสำคัญ: เมื่อพยานหลักฐานมัดแน่น การรับสารภาพตรงไปตรงมาเป็น “กลยุทธ์ที่ชาญฉลาด” เพราะทำให้โทษเบาลง บางกรณีรอการลงโทษได้ ไม่ทำลายอนาคตจำเลย
คดีแพ่ง – อายุความคือเกราะป้องกันสำคัญ
ในคดีแพ่ง หากโจทก์ฟ้องช้าเกินกำหนดอายุความ จำเลยมีสิทธิยกขึ้นสู้เพื่อให้คดีถูกยกฟ้อง แต่สิทธิพิเศษนี้จะ “หมดไปทันที” หากจำเลยไม่ยกขึ้นเอง
ฎีกาที่ 1927/2543: โจทก์ฟ้องเกินกำหนดอายุความ แต่จำเลยไม่ยกขึ้น ศาลไม่มีอำนาจวินิจฉัยเอง → จำเลยแพ้คดี
ฎีกาที่ 1086/2552: ยืนยันอีกครั้งว่า “อายุความเป็นข้อต่อสู้ของจำเลย” หากไม่ยกขึ้น ศาลไม่สามารถช่วยเหลือได้
สาระสำคัญ: แม้คดีจะหมดอายุความแล้ว แต่หากจำเลยไม่ให้ทนายยกข้อนี้ขึ้นสู้ ก็จะเสียสิทธิและแพ้คดีไปโดยไม่ควร
บทสรุป
ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งต่างสะท้อนหลักการเดียวกัน คือ การฟังและเชื่อคำแนะนำของทนายสำคัญต่อชะตากรรมคดี
คดีอาญา: รับสารภาพเมื่อผิดจริง = ลดโทษ อาจรอการลงโทษ
คดีแพ่ง: อายุความต้องยกขึ้นเอง = ไม่สู้ก็เสียสิทธิ
เพราะฉะนั้น หากคุณหรือคนใกล้ชิดตกเป็นจำเลย อย่าปล่อยให้อคติหรือความลังเลทำลายโอกาส การเลือกเชื่อฟังทนายผู้เชี่ยวชาญคือหนทางที่ทำให้คุณไม่เสียสิทธิไปโดยเปล่าประโยชน์ และอาจทำให้ผลคดีพลิกจากหนักเป็นเบาได้
ทนายตรินัยน์ นบ, นบท