ฎีกาล่าสุดคดีผู้บริโภค: เช่าซื้อค่าปรับผู้ค้ำประกัน ผู้บริโภคต้องรู้ก่อนเสียสิทธิ

129 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ฎีกาล่าสุดคดีผู้บริโภค: เช่าซื้อค่าปรับผู้ค้ำประกัน ผู้บริโภคต้องรู้ก่อนเสียสิทธิ

สัญญาเช่าซื้อรถยนต์หรือสินค้าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผู้บริโภคจำนวนมากต้องเผชิญ แต่ปัญหาที่ตามมามักซับซ้อน ทั้งเรื่อง ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าขาดราคา และความรับผิดของผู้ค้ำประกัน ซึ่งหลายครั้งผู้บริโภคเสียสิทธิไปเพราะไม่เข้าใจกฎหมาย โชคดีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาใหม่ ๆ ที่วางหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่ชัดเจนขึ้น บทความนี้จะสรุป 3 ประเด็นสำคัญ พร้อมข้อคิดที่ผู้บริโภคควรนำไปใช้

สรุปคำพิพากษาแต่ละประเด็น
1. มาตรฐานความสุจริตของผู้ประกอบธุรกิจ

ฎีกาที่ 1625/2563
ศาลวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 12 ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานความสุจริตของผู้ประกอบธุรกิจให้สูงกว่าบุคคลทั่วไป หากผู้ประกอบธุรกิจใช้สิทธิไม่สุจริต เช่น เรียกดอกเบี้ยหรือค่าปรับที่สูงเกินจริง ศาลมีอำนาจ ไม่บังคับให้ลูกหนี้ชำระ ในส่วนที่ไม่สุจริตนั้นได้
ความหมายต่อผู้บริโภค: ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องยอมตามสัญญาที่ไม่เป็นธรรมเสมอไป หากพิสูจน์ได้ว่าเงื่อนไขนั้นไม่สุจริต ศาลพร้อมจะคุ้มครอง

2. ค่าขาดราคาและเบี้ยปรับในสัญญาเช่าซื้อ

ฎีกาที่ 6779/2567 (คำพิพากษาใหม่)

การเรียก ค่าขาดราคา หลังจากบอกเลิกสัญญาและขายทอดตลาดรถ ถือเป็นการกำหนดค่าเสียหายล่วงหน้าหรือ “เบี้ยปรับ” ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383

ศาลมีอำนาจ ลดเบี้ยปรับลงได้ หากเห็นว่าสูงเกินส่วน

หากผู้เช่าซื้อคืนรถโดยเจตนาจะเลิกสัญญา แม้จะผิดนัดเพียงงวดเดียว สัญญาก็ถือว่าเลิกกันได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 573 แต่ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง

ความหมายต่อผู้บริโภค: ศาลให้ความยุติธรรมแก่ผู้เช่าซื้อ โดยไม่ยอมให้ถูกเรียกค่าเสียหายเกินจริง ขณะเดียวกันก็ย้ำว่าผู้เช่าซื้อยังมีหน้าที่รับผิดในค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล


3. ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
ฎีกาที่ 3252/2565
หากผู้ให้เช่าซื้อไม่บอกกล่าวให้ผู้ค้ำประกันทราบภายใน 60 วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด ผู้ค้ำประกันย่อม พ้นจากดอกเบี้ยและค่าสินไหม ที่เกิดหลังจากนั้น
แต่ตาม ฎีกา InTrend EP.115 มีข้อสังเกตว่า หนี้ค่าขาดราคาจากการขายทอดตลาด ไม่ใช่หนี้อุปกรณ์ ที่เกิดขึ้นภายหลังการผิดนัด ดังนั้น ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดร่วม แม้จะไม่ได้รับบอกกล่าวภายใน 60 วันก็ตาม

ความหมายต่อผู้บริโภค: ผู้ค้ำประกันยังคงเสี่ยง แม้จะพ้นจากดอกเบี้ยและค่าปรับ แต่ยังต้องรับผิดในหนี้ค่าขาดราคา หากผู้เช่าซื้อไม่ชำระ


ข้อคิดสำหรับผู้บริโภค
- ตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาอย่างละเอียด ก่อนเซ็นสัญญาเช่าซื้อ ไม่ควรยอมรับเงื่อนไขที่เอาเปรียบ เช่น ดอกเบี้ยหรือค่าปรับสูงเกินจริง
- เก็บเอกสารทุกอย่าง เช่น ใบเสร็จการชำระ, หนังสือบอกกล่าว, หลักฐานการคืนรถ เพราะจะเป็นประโยชน์หากต้องสู้คดี
- ผู้ค้ำประกันควรตระหนัก ว่าความรับผิดไม่ได้หายไปง่าย ๆ แม้เจ้าหนี้จะบกพร่องในการบอกกล่าว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ต้องรับผิดร่วม
- อย่าลืมสิทธิในการลดเบี้ยปรับ ศาลมีอำนาจปรับลดได้ หากเห็นว่าไม่เป็นธรรม

บทสรุป
คำพิพากษาศาลฎีกาล่าสุดสะท้อนว่า ศาลพร้อมจะคุ้มครองผู้บริโภคจากเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมในสัญญาเช่าซื้อ แต่ผู้บริโภคเองต้องรู้สิทธิของตน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการขอลดเบี้ยปรับ หรือการปฏิเสธค่าปรับที่ไม่สุจริต ขณะเดียวกัน ผู้ค้ำประกันก็ต้องเข้าใจความเสี่ยงของตนเอง

หากคุณหรือครอบครัวเผชิญปัญหาสัญญาเช่าซื้อ ควรรีบ ปรึกษาทนายความที่เชี่ยวชาญคดีผู้บริโภค เพื่อวางกลยุทธ์ที่ถูกต้องและรักษาสิทธิให้ครบถ้วน

ทนายตรินัยน์     นบ, เนติบัณฑิตยไทย

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com