102 จำนวนผู้เข้าชม |
ฎีกาที่ 8375/2563: เมื่อศาลยกฟ้องหมิ่นประมาท และการทวงหนี้ไม่ใช่ความผิดเสมอไป
บทนำ
คดีความหมิ่นประมาทและการทวงหนี้เป็นเรื่องที่คนทั่วไปมักเข้าใจคลาดเคลื่อน หลายคนคิดว่า หากศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์สามารถนำขึ้นมาพิจารณาลงโทษได้ใหม่ หรือหากมีการทวงหนี้โดยโพสต์หรือพูดถึงหนี้ ก็มักคิดว่าจะผิด พ.ร.บ.การทวงหนี้เสมอไป คำพิพากษาฎีกาที่ 8375/2563 เป็นตัวอย่างสำคัญที่ศาลวางหลักกฎหมายชัดเจน ทั้งสองประเด็นนี้จึงเป็นบทเรียนที่ผู้คนควรตระหนัก
สาระคำพิพากษา
ข้อหาหมิ่นประมาท
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาท และโจทก์มิได้อุทธรณ์ในประเด็นนี้ ทำให้คดีในส่วนนี้สิ้นสุดลงตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่มีอำนาจนำประเด็นนี้มาพิจารณาใหม่และลงโทษจำเลย การที่ศาลอุทธรณ์กระทำเช่นนั้นถือเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ไขให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย
ข้อหาทวงหนี้
ในส่วนที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การทวงหนี้ พ.ศ. 2558 ผู้เสียหายกล่าวหาว่าจำเลยปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยและทวงหนี้โดยไม่เหมาะสม แต่ศาลตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าจำเลยมิได้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อหรือปล่อยกู้เป็นการค้า แต่เป็นเพียงการกู้ยืมกันระหว่างเพื่อน โดยมิใช่กิจการค้าปกติ ดังนั้น จำเลยจึงไม่ถือเป็น “ผู้ทวงหนี้” ตามความหมายใน พ.ร.บ.การทวงหนี้ การกระทำที่เกิดขึ้นจึงไม่เข้าข่ายความผิด
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง และ ป.วิ.อาญา มาตรา 15: หากศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และคู่ความไม่อุทธรณ์ ข้อหานั้นถือว่ายุติแล้ว ศาลสูงกว่าไม่มีอำนาจรื้อฟื้นขึ้นใหม่
ป.วิ.อาญา มาตรา 195 วรรคสอง และมาตรา 225: เรื่องที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาสามารถยกขึ้นพิจารณาเองได้ แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นก็ตาม
พ.ร.บ.การทวงหนี้ พ.ศ. 2558 มาตรา 3 และมาตรา 11: คุ้มครองลูกหนี้จากการทวงหนี้โดยมิชอบ แต่ใช้บังคับเฉพาะกับเจ้าหนี้ที่ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อหรือปล่อยกู้เป็นปกติ
ข้อคิดสำหรับประชาชน
หากถูกยกฟ้องในศาลชั้นต้น และโจทก์ไม่อุทธรณ์ ข้อหานั้นถือว่ายุติแล้ว ไม่สามารถนำขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้
การทวงหนี้จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การทวงหนี้ ต้องเป็นการทวงจากเจ้าหนี้ที่ทำธุรกิจปล่อยกู้เป็นปกติ มิใช่เพียงการกู้ยืมส่วนบุคคล
เจ้าหนี้ควรระวังการทำสัญญากู้ยืมที่ไม่รัดกุม เพราะหากพิรุธหรือไม่ชัดเจน ศาลอาจไม่ถือว่าการทวงหนี้เข้าข่ายธุรกิจปกติ
ลูกหนี้เองก็ต้องรู้สิทธิ หากถูกทวงหนี้โดยไม่ชอบจาก “เจ้าหนี้ธุรกิจ” สามารถใช้กฎหมายคุ้มครองได้
บทสรุป
คำพิพากษาฎีกาที่ 8375/2563 เป็นบทเรียนสำคัญที่ตอกย้ำว่า
คดีหมิ่นประมาท หากยกฟ้องและไม่มีการอุทธรณ์ ถือว่ายุติ ศาลสูงกว่าไม่มีสิทธิรื้อฟื้น
ไม่ใช่ทุกการทวงหนี้จะผิดกฎหมาย ต้องพิจารณาว่าเป็น “ผู้ให้สินเชื่อ” ตามกฎหมายหรือไม่
---ข้อแนะนำ: หากคุณกำลังเผชิญคดีหมิ่นประมาท หรือปัญหาการทวงหนี้ ควรรีบปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ปกป้องสิทธิของคุณตั้งแต่ต้น
ทนายตรินัยน์ นบ, เนติบัณฑิตไทย