122 จำนวนผู้เข้าชม |
เลี้ยวผิดจังหวะ! รถชนใครต้องรับผิด?
บทนำ
อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ผู้ขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้ารถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็ว จนเกิดการเฉี่ยวชน หลายคนอาจคิดว่าฝ่ายที่ขับรถยนต์ “ต้องรับผิดเต็ม ๆ” แต่กฎหมายไม่ได้มองแบบนั้นเสมอไป บทความนี้จะชวนวิเคราะห์ว่าศาลวินิจฉัยอย่างไรเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็มีส่วนประมาท
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 50
ห้ามผู้ขับรถเลี้ยวขวาตัดหน้ารถที่สวนมาหรือตามมาในระยะน้อยกว่า 100 เมตร เว้นแต่เห็นว่าปลอดภัยและไม่กีดขวางการจราจร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ผู้ใดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นเสียหาย ต้องรับผิดชดใช้
มาตรา 223
หากผู้เสียหายมีส่วนประมาทด้วย ศาลอาจลดหรือไม่ให้ค่าสินไหมทดแทนเลย
มาตรา 442
การกำหนดค่าสินไหม ศาลต้องพิจารณาพฤติการณ์ของคู่กรณีว่าฝ่ายใดก่อความเสียหายมากน้อยเพียงใด
การวิเคราะห์ข้อเท็จจริง
ฝ่ายโจทก์ (รถจักรยานยนต์)
เลี้ยวขวาตัดหน้ารถยนต์ในระยะกระชั้นชิด ขัดต่อมาตรา 50 พ.ร.บ.จราจรฯ → ถือว่ามีส่วนประมาทชัดเจน
ฝ่ายจำเลยที่ 1 (ผู้ขับรถยนต์)
แม้จะเป็นฝ่ายที่รถถูกเลี้ยวตัดหน้า แต่ขับรถมาด้วยความเร็วสูงจนหยุดหรือหลบไม่ได้ → เป็นความประมาทเช่นกัน
ฝ่ายจำเลยที่ 2 (บริษัทประกันภัย)
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยผูกพันตามความรับผิดของผู้เอาประกัน เมื่อศาลเห็นว่าทั้งโจทก์และจำเลยที่ 1 ประมาทเท่ากัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าสินไหมจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ย่อมไม่ต้องรับผิดด้วย
----ข้อสรุปทางข้อเท็จจริง: ศาลเห็นว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างมีส่วนประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหม
ข้อคิดสำหรับประชาชน
ไม่ว่ารถใหญ่หรือรถเล็ก ต่างต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรเคร่งครัด การเลี้ยวในระยะไม่ปลอดภัยอาจทำให้ผู้เลี้ยวเองกลายเป็นผู้ผิด
อย่าคิดว่ารถยนต์ต้องรับผิดเสมอ ศาลจะดูพฤติการณ์ทั้งสองฝ่ายว่าฝ่ายใดประมาทมากน้อยเพียงใด
ประกันภัยไม่ได้คุ้มครองทุกกรณี หากผู้ขับเองมีส่วนประมาท ศาลอาจตัดสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ความเร็วคือปัจจัยสำคัญ ผู้ขับรถยนต์ที่ใช้ความเร็วสูงจนไม่สามารถหยุดหรือหลบหลีกได้ ก็อาจมีส่วนผิดเช่นกัน
บทสรุป
อุบัติเหตุจากการเลี้ยวตัดหน้ารถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว ศาลถือว่าทั้งสองฝ่ายมีส่วนประมาท หากความประมาทนั้น “ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน” ผลที่ตามมาคือฝ่ายที่บาดเจ็บอาจไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากอีกฝ่ายเลย กรณีนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า กฎหมายไม่ตัดสินด้วยความรู้สึกว่าใครเล็ก–ใญ่ แต่ตัดสินตามข้อเท็จจริงและกฎหมายว่าฝ่ายใดผิดพลาดอย่างไร
-- ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่เลี้ยวตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด และไม่ขับรถเร็วเกินไป เพราะความประมาทเพียงเสี้ยววินาที อาจทำให้สิทธิเรียกร้องของคุณหายไปทั้งสิ้น
ทนายตรินัยน์ นบ, เนติบัณฑิตยไทย