ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน ถูกฟ้องกรณีไม่รับผิด

108 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกัน ถูกฟ้องกรณีไม่รับผิด

ช่าซื้อรถยนต์ – ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำ ต้องรับผิดแค่ไหน? ศาลฎีกาชี้หลายกรณีไม่ต้องจ่ายค่าขาดราคา–ค่าขาดประโยชน์


บทนำ
คดีเช่าซื้อรถยนต์มักเป็นฝันร้ายของลูกหนี้ เพราะนอกจากจะถูกยึดรถคืนแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อมักเรียก “ค่าขาดราคา” และ “ค่าขาดประโยชน์” เพิ่มอีกจำนวนมาก จนกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันรับไม่ไหว แต่ในทางกฎหมาย ไม่ใช่ทุกกรณีที่ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำต้องรับผิดทั้งหมด ศาลฎีกามีคำพิพากษาหลายฉบับที่เปิดช่องทางให้ลดหย่อนหรือหลุดพ้นความรับผิด หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ให้เช่าซื้อดำเนินการไม่ถูกต้อง


แนวทางผู้เช่าซื้อ: ต่อสู้เพื่อลดค่าขาดราคา–ค่าขาดประโยชน์
การแจ้งสิทธิซื้อคืนไม่ถูกต้อง

หากบริษัทไม่แจ้งสิทธิซื้อทรัพย์คืนให้ถึงตัวผู้เช่าซื้อ หรือแจ้งล่าช้า ศาลถือว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบ → ผู้ให้เช่าซื้อเรียกค่าขาดราคาไม่ได้
ฎีกาที่ 2530/2560 : ศาลไม่อนุญาตให้เรียกค่าขาดราคาทั้งหมด เพราะการแจ้งสิทธิซื้อคืนไม่ถูกต้อง
การเรียกค่าขาดประโยชน์สูงเกินไป

ศาลสามารถใช้ดุลยพินิจลดหย่อนหากเห็นว่าเรียกเกินควร หรือผู้ให้เช่าซื้อปล่อยปละละเลยเอง
หลักการนี้อิง ป.พ.พ. มาตรา 223 (เรื่องการร่วมประมาท)
ค่าขาดราคาเป็นเบี้ยปรับสูงเกินส่วน

ศาลมีอำนาจลดค่าขาดราคาได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383
ฎีกาที่ 6779/2567 : ศาลถือว่าค่าขาดราคาที่คิดจากยอดหนี้ลบราคาขายสูงเกินจริง จึงลดลงเหลือเท่าที่พอสมควร
การยึดรถก่อนสัญญาเลิกมีผล

หากบริษัทรีบยึดรถก่อนครบกำหนด 30 วันหลังบอกเลิกสัญญา ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต → ค่าใช้จ่ายที่อ้างภายหลัง เช่น ค่าติดตาม ค่าขาดประโยชน์บางช่วง อาจไม่ต้องรับผิด
ฎีกาที่ 3838/2567 : ผู้ให้เช่าซื้อยึดรถก่อนครบกำหนด แต่ผู้เช่าซื้อไม่โต้แย้ง ศาลถือว่าเลิกสัญญากันโดยปริยาย

แนวทางผู้ค้ำประกัน: สิทธิพิเศษในการหลุดพ้นบางส่วนหรือทั้งหมด
ผู้ค้ำตายก่อนผู้เช่าซื้อผิดนัด

สัญญาค้ำระงับ หนี้ใหม่ไม่ตกทอดถึงทายาท
ฎีกาที่ 1311/2552 : ทายาทไม่ต้องรับผิดในหนี้ที่เกิดขึ้นหลังความตาย
ไม่ได้บอกกล่าวภายใน 60 วัน

ผู้ค้ำพ้นจากดอกเบี้ยและค่าสินไหมทั้งหมดที่เกิดภายหลังครบ 60 วัน
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 686 วรรคสาม (แก้ไขเพิ่มเติม)
ไม่แจ้งสิทธิซื้อคืนแก่ผู้ค้ำ

ศาลเห็นว่าผู้ค้ำเสียโอกาสในการจำกัดความเสียหาย → ไม่ต้องรับผิดค่าขาดราคา
ฎีกาที่ 8593/2559 และ 2530/2560 : ผู้ให้เช่าซื้อไม่แจ้งสิทธิซื้อคืน ผู้ค้ำพ้นความรับผิดค่าขาดราคา
สัญญาค้ำสิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อพ้นอายุความ 10 ปี หรือครบกำหนดหนี้ตามสัญญา → ผู้ค้ำไม่ต้องรับผิดอีก

บทสรุป
จากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาจะเห็นว่า ไม่ใช่ทุกกรณีที่ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำต้องชำระหนี้ทั้งหมด หากผู้ให้เช่าซื้อไม่ดำเนินการตามกฎหมายหรือข้อตกลง ผู้เช่าซื้ออาจพ้นความรับผิดค่าขาดราคาและค่าขาดประโยชน์ได้ ส่วนผู้ค้ำเองก็มีสิทธิพิเศษหลายข้อที่ช่วยลดหรือหลุดพ้นความรับผิด

----ดังนั้น หากถูกฟ้องคดีเช่าซื้อ ควรตรวจสอบอย่างละเอียดว่า

การบอกเลิกสัญญาถูกต้องหรือไม่
การยึดและขายรถทำตามขั้นตอนหรือไม่
ผู้ค้ำได้รับการบอกกล่าวครบถ้วนหรือไม่
เพราะรายละเอียดเหล่านี้คือ อาวุธสำคัญในการสู้คดี ที่อาจช่วยให้หนี้ที่ดูใหญ่โต กลายเป็นหนี้ที่น้อยลง หรือแม้กระทั่งไม่ต้องรับผิดเลยก็ได้ครับ

 

จัดทำโดย.......ทนายตรินัยน์  นบ,  เนติบัณฑิตไทย

 

Powered by MakeWebEasy.com