รถชน: ฟ้องอาญาแล้ว ยังฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่

40 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รถชน: ฟ้องอาญาแล้ว ยังฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่

คดีรถชน: คดีอาญาผูกพันคดีแพ่งจริงหรือ?


บทนำ
เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางถนน นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินแล้ว เรื่องทางกฎหมายก็ตามมาเสมอ โดยปกติ ผู้ขับรถที่ก่อเหตุ มักถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในข้อหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หรือความผิดอาญา เช่น ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ขณะเดียวกัน ผู้เสียหาย ก็มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งด้วย คำถามคือ คดีอาญากับคดีแพ่งผูกพันกันโดยอัตโนมัติหรือไม่?


หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 บัญญัติว่า

“ข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดตามคำพิพากษาในคดีอาญา มีผลผูกพันศาลในคดีแพ่งเฉพาะที่เกี่ยวกับการที่บุคคลได้กระทำความผิดอาญานั้นจริงหรือไม่เท่านั้น”
แปลว่า ศาลแพ่งจะต้องยึดข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้กระทำความผิดอาญาตามที่ศาลอาญาพิพากษาแล้วจริงหรือไม่ แต่ในเรื่องอื่น ๆ เช่น ผู้เสียหายมีส่วนประมาทหรือไม่ หรือ ค่าเสียหายควรเป็นเท่าไร ศาลแพ่งจะต้องวินิจฉัยเอง ไม่ถูกผูกพันโดยตรงจากคดีอาญา


กรณีศึกษา
ศาลอาญาวินิจฉัยว่าผู้ตายมีส่วนประมาทด้วย
หากในคดีอาญาศาลอาญาพูดถึง “ผู้ตายมีส่วนประมาท” แต่ประเด็นนี้ไม่ใช่สาระสำคัญของการพิพากษาความผิดอาญา ศาลแพ่งก็ไม่ถูกผูกพัน ต้องพิจารณาใหม่ว่าผู้ตายมีส่วนประมาทหรือไม่
คดีอาญาถูกถอนฟ้อง หรือจำหน่ายคดีไป
หากคดีอาญาไม่มีคำพิพากษาวินิจฉัยข้อเท็จจริงจนถึงที่สุด เช่น ถอนฟ้อง หรือศาลจำหน่ายคดี ศาลแพ่งย่อมไม่ถูกผูกพัน ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่เอง

แนวคำพิพากษาศาลฎีกา
ฎีกาที่ 9892/2560
คดีอาญาเป็นเรื่องขับรถโดยประมาทจนผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลอาญาตัดสินว่าผู้ตายมีส่วนประมาทด้วย แต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็น “ผู้ตายมีส่วนประมาท” ไม่ใช่สาระสำคัญของคดีอาญา ข้อเท็จจริงนี้จึงไม่ผูกพันคดีแพ่ง ศาลแพ่งต้องวินิจฉัยใหม่จากพยานหลักฐานที่นำสืบ
ฎีกาที่ 6010/2564
เมื่อคดีอาญาถูกถอนฟ้องและศาลจำหน่ายคดีไป โดยไม่มีข้อเท็จจริงถึงที่สุดในคดีอาญา ศาลแพ่งไม่ถูกผูกพัน ต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานใหม่

ข้อคิดสำหรับประชาชน
หากท่านเป็น ผู้เสียหาย อย่าคิดว่าคดีอาญาจะครอบคลุมสิทธิเรียกค่าเสียหายเสมอไป ท่านยังมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ แม้คดีอาญาจะสิ้นสุดแล้ว
หากเป็น ผู้ก่อเหตุ อย่าเข้าใจผิดว่าคดีอาญายุติแล้ว แปลว่าคดีแพ่งจะจบไปด้วย เพราะคู่กรณีอาจแยกฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมได้
สิ่งสำคัญคือ การเลือกใช้สิทธิของผู้เสียหายในคดีอาญา หากยื่นคำร้องขอค่าเสียหายในคดีอาญา ศาลสามารถพิจารณาพร้อมกันได้ แต่ถ้าไม่ยื่น ก็ยังมีสิทธิแยกฟ้องคดีแพ่งได้

บทสรุป
คดีรถชนที่มีทั้งมิติทางอาญาและแพ่ง แสดงให้เห็นว่าศาลอาญาและศาลแพ่งแม้จะพิจารณาคดีเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะผูกพันกันทุกประเด็น ผลของคดีอาญาจะผูกพันศาลแพ่งเฉพาะข้อเท็จจริงเรื่อง “การกระทำความผิด” เท่านั้น ส่วนเรื่องความประมาทร่วม หรือค่าเสียหายที่แท้จริง ศาลแพ่งจะต้องวินิจฉัยเอง

-----ดังนั้น ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เสียหายหรือผู้ถูกร้อง อย่าละเลยสิทธิในคดีแพ่ง เพราะนี่คือช่องทางสำคัญที่จะทำให้ท่านได้รับความยุติธรรมครบถ้วน

จัดทำโดย ...  ทนายตรินัยน์     นบ, เนติบัณฑิตไทย



Powered by MakeWebEasy.com