คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ สู้อย่างไร

70 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ สู้อย่างไร

คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ : เข้าใจประเภทคดี ขั้นตอน และแนวทางต่อสู้


บทนำ
คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ถือเป็นคดีอาญาพิเศษที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ และผู้ใช้อำนาจรัฐ หากใช้อำนาจโดยมิชอบ เอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น หรือทำให้รัฐเสียหาย ย่อมเป็นความผิดร้ายแรง มีศาลเฉพาะคือ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อพิจารณาโดยตรง


1. คดีใดบ้างที่ถือเป็นความผิดทุจริตและประพฤติมิชอบ
ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148–166 เช่น

เจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับสินบน (มาตรา 149)
เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อให้ผู้อื่นเสียหาย (มาตรา 157)
ความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. เกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ การยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ
ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล)
ความผิดที่กฎหมายบัญญัติให้ขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตฯ โดยเฉพาะ

2. เขตอำนาจศาล
กรุงเทพฯ และพื้นที่ที่ไม่อยู่ในเขตศาลภาค → ฟ้องที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ภูมิภาค → ฟ้องที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบประจำภาค ตามเขต

3. ขั้นตอนดำเนินคดี
ไต่สวนข้อเท็จจริง โดย ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท.
ส่งสำนวนให้อัยการ หากเห็นว่ามีมูล
อัยการฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ
พิจารณาคดีในศาล → สืบพยานโจทก์–จำเลย
ศาลพิพากษา → จำเลยอาจอุทธรณ์–ฎีกาได้ตามกฎหมาย

4. แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
ฎีกาที่ 6916/2546
เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อไม่ดำเนินคดี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นความผิดฐานรับสินบนตามมาตรา 149 แม้จะอ้างว่าเป็นเงินค่าเลี้ยงดูก็ตาม
ฎีกาที่ 4762/2558
เจ้าหน้าที่กรมที่ดินเรียกรับเงินจากประชาชนเพื่อเร่งรัดการออกโฉนด ศาลถือว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบและเป็นการเรียกรับสินบน ต้องโทษตามกฎหมาย
ฎีกาที่ 5458/2560
เจ้าพนักงานรัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เอกชน ศาลวินิจฉัยว่าผิดตามมาตรา 157 แม้ไม่มีการเรียกรับเงินโดยตรง

5. แนวทางการต่อสู้คดีของจำเลย
ปฏิเสธข้อกล่าวหาและหักล้างเจตนา
เช่น แสดงหลักฐานว่าการกระทำเป็นไปตามขั้นตอนปกติ มิได้มีเจตนาแสวงหาประโยชน์ส่วนตน
ขาดองค์ประกอบความผิด

หากถูกกล่าวหาตามมาตรา 157 ต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้จงใจ หรือไม่มีผลให้เกิดความเสียหาย
หากถูกกล่าวหาว่ารับสินบน ต้องหักล้างว่าเป็นการรับเงินโดยสุจริต เช่น เป็นหนี้ส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่
กระบวนการสอบสวนไม่ชอบ
เช่น ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ หรือการดักฟัง/บันทึกเสียงไม่ได้ทำโดยชอบด้วยกฎหมาย
ขอใช้เหตุบรรเทาโทษ
หากจำเลยรับสารภาพ ศาลอาจลดโทษกึ่งหนึ่ง หรือพิจารณาปัจจัยแวดล้อม เช่น ประวัติการทำงานสุจริต

6. โทษสูงสุด
มาตรา 149 (สินบน) : จำคุก 5–20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับไม่เกิน 400,000 บาท
มาตรา 157 (ใช้อำนาจโดยมิชอบ) : จำคุก 1–10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. : อาจมีโทษจำคุกสูงกว่า และถูก ตัดสิทธิทางการเมือง

บทสรุป
คดีทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นคดีที่ซับซ้อน ใช้กฎหมายพิเศษและมีกระบวนการเข้มงวด จำเลยควรมีทนายตั้งแต่ชั้นไต่สวนเพื่อช่วยหักล้างข้อกล่าวหา และจัดการพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ศาลให้ความสำคัญกับ “เจตนา” และ “องค์ประกอบความผิด” อย่างมาก หากขาดเงื่อนไขเหล่านี้ ศาลอาจยกฟ้องได้

จัดทำโดย...ทนายตรินัยน์   นบ, เนติบัณฑิตไทย


Powered by MakeWebEasy.com