เมื่อหย่ากันแล้ว... ค่าเลี้ยงดูบุตรต้องเท่าไรจึงจะเป็นธรรม?

73 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เมื่อหย่ากันแล้ว... ค่าเลี้ยงดูบุตรต้องเท่าไรจึงจะเป็นธรรม?

เมื่อหย่ากันแล้ว... ค่าเลี้ยงดูบุตรต้องเท่าไรจึงจะเป็นธรรม?


1. บทนำ
หลังการหย่าร้าง แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาจะสิ้นสุดลง แต่ หน้าที่ของบิดามารดาต่อบุตรยังคงอยู่ โดยเฉพาะการส่งเสียเลี้ยงดูตามสมควรแก่ฐานะและความจำเป็นของบุตร ซึ่งมักเป็นประเด็นพิพาทที่พบได้บ่อยในศาลครอบครัว — ฝ่ายหนึ่งมองว่าจำนวนที่เรียกร้อง “ไม่เพียงพอ” ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่า “เกินกำลัง”
ในความเป็นจริง ศาลจะไม่พิจารณาเพียงจำนวนเงินที่บิดามารดาเสนอหรือเรียกร้องเท่านั้น แต่จะชั่งน้ำหนักจากฐานะทางเศรษฐกิจ ความจำเป็นของบุตร และความตั้งใจของผู้ต้องชำระว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องหรือไม่


2. หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 บัญญัติว่า

“บิดามารดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรตามสมควรแก่ฐานะของตน และตามความจำเป็นของบุตร”
การที่บิดาหรือมารดาไม่อยู่ร่วมกันแล้ว (เช่น หย่าขาด) ไม่เป็นเหตุให้พ้นจากหน้าที่นี้ หากฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติ อีกฝ่ายสามารถยื่นฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรได้

อย่างไรก็ตาม ศาลจะกำหนดจำนวนเงินโดยพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้

รายได้สุทธิและภาระของผู้ถูกฟ้อง (เช่น ภาระดูแลบิดามารดาหรือบุตรคนอื่น)
ความจำเป็นของบุตร เช่น ค่าเทอม ค่าอาหาร ค่าที่พักอาศัย
พฤติการณ์แห่งคดี เช่น การส่งเสียเป็นระยะ ๆ หรือการเลี้ยงดูร่วมบางส่วน
ดังนั้น แม้ฝ่ายหญิงจะเรียกร้องค่าเลี้ยงดูจำนวนสูง แต่หากเกินสมควรแก่ฐานะของฝ่ายชาย ศาลย่อมมีอำนาจลดหย่อนให้เหมาะสมได้


3. แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
 คำพิพากษาฎีกาที่ 2046/2559
ภริยาฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 15,000 บาท แต่จำเลยมีรายได้เพียงเดือนละ 18,000 บาท และยังมีภาระเลี้ยงดูบิดามารดาที่ชรา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

“การกำหนดค่าเลี้ยงดูบุตรต้องคำนึงถึงความสามารถของผู้ต้องจ่ายด้วย หากให้ชำระตามที่ฟ้อง จะเกินกำลังและอาจเป็นภาระเกินสมควร”
ศาลจึงลดค่าเลี้ยงดูเหลือเดือนละ 6,000 บาท ถือว่าเพียงพอต่อการดำรงชีพของบุตรตามฐานะ
 คำพิพากษาฎีกาที่ 1525/2563
ฝ่ายหญิงฟ้องอ้างว่าสามีไม่ส่งเสียเลี้ยงดูบุตร แต่จำเลยนำหลักฐานการโอนเงินรายเดือนและของใช้จำเป็นมาแสดง ศาลวินิจฉัยว่า

“แม้จำนวนเงินไม่มาก แต่การส่งเสียเป็นประจำแสดงถึงความรับผิดชอบและไม่ทอดทิ้งบุตร ศาลถือว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่แล้ว”
คำพิพากษาฎีกาที่ 3316/2548
ศาลวินิจฉัยเพิ่มเติมว่า

“บิดามารดามีสิทธิร้องขอให้ศาลแก้ไขค่าเลี้ยงดูบุตรได้ หากฐานะทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป เช่น รายได้ลดลง หรือบุตรเติบโตมีรายได้ของตนเอง”

4. บทสรุป
การเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ไม่ใช่การลงโทษอดีตคู่สมรส แต่เป็นการคุ้มครองสิทธิของบุตรให้ได้รับการดูแลอย่างสมควรแก่ฐานะของพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย
ศาลจึงต้องวินิจฉัยอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่าง

ความจำเป็นของบุตร และ
ความสามารถของผู้ชำระ
ดังนั้น หากฝ่ายชายมีรายได้ไม่แน่นอนหรือมีภาระดูแลบุพการี ศาลย่อมพิจารณาลดหย่อนให้สมเหตุสมผลได้ แต่ผู้เป็นบิดาควรส่งเสียอย่างต่อเนื่องตามกำลัง เพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะพ่อ — เพราะในสายตาของศาล “ความตั้งใจเลี้ยงดูลูก"มีคุณค่ามากกว่าตัวเลขในคำฟ้อง        (จัดทำโดย ..ทนายตรินัยน์    นบ, เนติบัณฑิตไทย)       

Powered by MakeWebEasy.com