35 จำนวนผู้เข้าชม |
ทางรอดของลูกหนี้: อย่าจ่ายหนี้ที่ 'หมดอายุ' แล้ว! กฎหมายให้สิทธิ์คุณปฏิเสธ
บทนำ: ความไม่รู้คือต้นทุนที่แพงที่สุด
การได้รับหมายศาลเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิต เงินกู้ยืม หรือสินเชื่อส่วนบุคคล มักสร้างความตื่นตระหนกและนำไปสู่การยอมรับชำระหนี้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าหนี้เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ซื้อหนี้เสีย (หนี้เน่า) มาจากสถาบันการเงินเดิม น่าเสียดายที่ลูกหนี้จำนวนมาก พลาดโอกาสสำคัญทางกฎหมาย เพียงเพราะความไม่รู้ โดยยอมจ่ายหนี้ที่ตามหลักกฎหมายแล้วเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ชำระได้แล้ว บทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงช่องทางทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดที่ลูกหนี้ทุกคนควรทราบ นั่นคือ การยกอายุความขึ้นต่อสู้คดี เพื่อให้คุณสามารถใช้สิทธิ์ปฏิเสธการชำระหนี้ที่ขาดอายุความได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม
ข้อเท็จจริง: ปัญหาที่ลูกหนี้ส่วนใหญ่ประสบ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ:
การโอนขายหนี้เก่า: สถาบันการเงินเดิมขายหนี้ที่ค้างชำระมานาน (ซึ่งบางครั้งขาดอายุความไปแล้ว) ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์หรือบริษัททวงหนี้ในราคาถูก
การถูกฟ้องคดี: บริษัทเหล่านั้นนำหนี้เก่ามาฟ้องร้องต่อศาล โดยหวังว่าลูกหนี้จะยอมความหรือขาดการต่อสู้คดี
ความเข้าใจผิดที่ศาลจะช่วยเอง: ลูกหนี้ส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า หากหนี้ขาดอายุความจริง ศาลจะยกประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณาและยกฟ้องให้เอง
ผลลัพธ์ที่น่าเสียดาย: เมื่อลูกหนี้ไม่ได้ยื่น "คำให้การต่อสู้คดี" ในประเด็นอายุความอย่างชัดเจน ศาลจะไม่สามารถหยิบยกข้อต่อสู้นี้ขึ้นมาวินิจฉัยได้ ทำให้ศาลต้องพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามฟ้องไปทั้งที่หนี้อาจขาดอายุความแล้ว
หลักกฎหมาย: อำนาจในการปฏิเสธการชำระหนี้
หัวใจสำคัญของการต่อสู้คดีนี้คือหลักกฎหมายเรื่อง อายุความ และหลักการที่ว่า ศาลจะช่วยไม่ได้ถ้าลูกหนี้ไม่ยกขึ้นสู้
1. ระยะเวลาอายุความที่ลูกหนี้ควรรู้:
ระยะเวลาของอายุความขึ้นอยู่กับประเภทของหนี้ โดยนับจากวันที่มีการผิดนัดชำระครั้งล่าสุด (หรือตามที่กฎหมายกำหนด)
หนี้บัตรเครดิต (ค่าซื้อสินค้า/บริการ/ถอนเงินสด): อายุความ 2 ปี (มาตรา193/34(7))
หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล/เงินกู้ที่ผ่อนเป็นงวด: อายุความ 5 ปี (มาตรา193/33(4))
หนี้กู้ยืมเงินทั่วไป/บัตรกดเงินสด (บางกรณี): อายุความ 10 ปี (มาตรา193/30)
2. กฎหมายให้อำนาจลูกหนี้ปฏิเสธ:
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา193/10) บัญญัติไว้ชัดเจนว่า "สิทธิเรียกร้องที่ขาดอายุความ ลูกหนี้มีสิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นได้"
3. หลักการสำคัญที่ศาลต้องปฏิบัติตาม:
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลจะไม่สามารถยกเรื่องอายุความขึ้นพิจารณาเองได้ หากลูกหนี้ไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ (มาตรา193/29) นี่คือหัวใจสำคัญที่ลูกหนี้ต้องทราบ เพราะหากคุณมาศาลแล้วเพียงแต่รับว่าเคยเป็นหนี้ หรือไม่ได้ยื่นคำให้การสู้เรื่องอายุความ ศาลจะถือว่าคุณไม่ติดใจในประเด็นนี้ และมีแนวโน้มจะพิพากษาให้ชำระหนี้
แนวทางแนะนำ: สิ่งที่ต้องทำเมื่อได้รับหมายศาล
เมื่อคุณได้รับหมายศาลในคดีหนี้เก่า ควรดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด:
อย่าตื่นตกใจ และอย่ารีบยอมรับหนี้ (ยอมความ):
การยอมรับหรือชำระหนี้บางส่วนหลังขาดอายุความ ถือเป็นการสละประโยชน์แห่งอายุความ ซึ่งจะทำให้คุณเสียสิทธิ์ในการต่อสู้คดีทันที
ตรวจสอบวันเวลาและอายุความ:
ตรวจสอบ วันผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย (หรือวันฟ้อง) อย่างละเอียด เพื่อคำนวณว่าหนี้ขาดอายุความตามประเภทหนี้นั้น ๆ หรือไม่
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ/ทนายความ:
แม้จะเป็นเรื่องง่าย แต่การเขียนคำให้การสู้คดีด้วยข้อกฎหมายที่ถูกต้องนั้นจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้ "ยกประเด็นอายุความ" ขึ้นต่อสู้ไว้อย่างครบถ้วนและชัดเจน
ยื่นคำให้การต่อสู้คดีอย่างเป็นทางการ:
คุณต้องยื่น คำให้การ ต่อศาลภายในระยะเวลาที่กำหนด (ปกติ 15 วัน นับแต่วันได้รับหมาย) โดยมีสาระสำคัญคือ การปฏิเสธการชำระหนี้เนื่องจากหนี้ตามฟ้องขาดอายุความแล้ว
หากคดีขาดอายุความจริง เมื่อคุณยื่นคำให้การสู้ในประเด็นนี้ ศาลจะพิจารณาและมีคำพิพากษา ยกฟ้อง โจทก์ได้ ทำให้คุณไม่ต้องชำระหนี้ตามฟ้องนั้น
บทสรุป: ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อความยุติธรรม
การต่อสู้คดีหนี้ที่ขาดอายุความเป็น สิทธิ ที่กฎหมายมอบให้แก่ลูกหนี้ ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่คือการใช้สิทธิเพื่อปฏิเสธการชำระหนี้ที่สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ได้สิ้นสุดลงตามเงื่อนไขของกฎหมายแล้ว อย่าปล่อยให้ความไม่รู้ทำให้คุณต้องแบกรับภาระทางการเงินที่ไม่จำเป็น หากได้รับหมายศาล โปรดปรึกษาทนายความเพื่อยืนยันสิทธิ์ของคุณ และ ยื่นคำให้การต่อสู้คดี อย่างเป็นทางการ เพราะนี่คือ "ทางรอด" ทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดของคุณ
จัดทำโดย...ทนายตรินัยน์ นบ, เนติบัณฑิตไทย