107 จำนวนผู้เข้าชม |
เรื่องนี้มีท่านหนึ่งมาถามว่าเคยทำคดีขอเฉลี่ยทรัพย์บ้างไหม...คำตอบตามนี้ครับ
บทนำ (The Pain Point)
"ชนะคดีแล้ว แต่ทรัพย์สินลูกหนี้โดนยึดไปหมด? ห้ามยึดซ้ำ! ทางออกคือ 'ขอเฉลี่ยทรัพย์' ซึ่งเป็นสิทธิให้คุณได้รับส่วนแบ่งเงินจากการขายทรัพย์นั้นได้ แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือ คุณต้องไม่มีทรัพย์อื่นให้บังคับคดีได้อีก และ ต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 'กำหนดเวลา 14 วัน' เท่านั้น!"
สำหรับเจ้าหนี้ที่ชนะคดีมาได้แล้ว แต่กลับต้องพบกับปัญหาที่ว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามีทรัพย์สินเพียงชิ้นเดียวและถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดหรืออายัดไว้ก่อน กระบวนการ "ขอเฉลี่ยทรัพย์" ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ.) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคุ้มครองสิทธิของเจ้าหนี้ผู้ตามมาทีหลัง ให้ได้รับชำระหนี้อย่างเป็นธรรมตามสัดส่วน
ข้อเท็จจริงพื้นฐานและเหตุผลทางกฎหมาย
หลักการห้ามยึดซ้ำ (ป.วิ.พ. มาตรา 326 วรรคหนึ่ง):
กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้แทนเจ้าหนี้คนแรกแล้ว ห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีก การกระทำเช่นนี้เป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
สิทธิในการขอเฉลี่ยทรัพย์:
เมื่อยึดซ้ำไม่ได้ เจ้าหนี้รายหลังจึงมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ตนเข้า เฉลี่ย ในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้
เงื่อนไขสำคัญที่ต้องพิสูจน์ (ป.วิ.พ. มาตรา 326 วรรคสอง):
ศาลจะอนุญาตให้เฉลี่ยทรัพย์ได้ต่อเมื่อ "ศาลเห็นว่าผู้ยื่นคำขอไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา" นี่คือหัวใจสำคัญที่ผู้ร้องต้องนำสืบให้ศาลเชื่อถือ (ต่างจากการขอรับชำระหนี้ก่อน ที่กฎหมายให้สิทธิโดยไม่ต้องพิสูจน์เงื่อนไขนี้)
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประเด็น
มาตราใน ป.วิ.พ.สาระสำคัญโดยสรุปหลักห้ามยึดซ้ำและสิทธิเฉลี่ยทรัพย์มาตรา 326
ห้ามเจ้าหนี้รายอื่นยึดหรืออายัดซ้ำ แต่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลได้
เงื่อนไขสำคัญมาตรา 326 วรรคสองศาลจะอนุญาตก็ต่อเมื่อเห็นว่าผู้ขอเฉลี่ย ไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ของลูกหนี้อีกกำหนดเวลายื่นคำร้องมาตรา 326 วรรคสี่และห้า กำหนดเวลา 14 วัน (ดูรายละเอียดในขั้นตอน)
ผลของคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี
มาตรา 326 วรรคหก
เมื่อเจ้าพนักงานฯ ได้รับสำเนาคำร้อง จะต้อง งดการจ่ายเงิน ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง
ขั้นตอนทางปฏิบัติในการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์
เจ้าหนี้ผู้ขอเฉลี่ยต้องดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้:
1. การเตรียมคำร้องและเอกสาร
จัดทำคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ โดยระบุรายละเอียดของคดีที่ตนเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และคดีที่มีการยึดทรัพย์ แนบสำเนาคำพิพากษาของคดีที่ตนชนะ
แนบหลักฐานที่แสดงว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดให้บังคับคดีได้อีก (เช่น รายงานผลการสืบทรัพย์)
2. ยื่นคำร้องต่อศาล
ยื่นคำร้องต่อ ศาลที่ออกหมายบังคับคดี ในคดีที่มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นไว้
3. การยื่นภายในกำหนดเวลา (นาทีทอง 14 วัน)
ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องภายในระยะเวลาที่กำหนดตามประเภทของทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัด:
ประเภททรัพย์ที่ถูกยึด/อายัด
กำหนดเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์
1. กรณีขายทอดตลาด หรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ยึด
ก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่มีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น
2. กรณีอายัดสิทธิเรียกร้อง
ก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับชำระเงินหรือส่งมอบทรัพย์สินตามที่ได้อายัด
3. กรณีการยึดเงินสด
ก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ยึด
4. แจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
ผู้ร้องต้องส่งสำเนาคำร้องให้ เจ้าพนักงานบังคับคดี ที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อให้เจ้าพนักงานฯ งดการจ่ายเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้จากการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง
5. การไต่สวนและคำสั่งศาล
ศาลจะไต่สวนคำร้องของผู้ขอเฉลี่ย เพื่อตรวจสอบว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจริง และลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นให้บังคับคดีได้แล้วหรือไม่
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้เฉลี่ยทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำบัญชีส่วนเฉลี่ยเพื่อแบ่งเงินให้กับเจ้าหนี้ผู้ยึดและเจ้าหนี้ผู้ขอเฉลี่ยตาม สัดส่วนจำนวนหนี้ ของแต่ละราย
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา (หลักการสำคัญ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2518 (เทียบเคียง ป.วิ.พ. มาตรา 326 เดิม)
หลักการ: การที่เจ้าหนี้รายหนึ่ง (ผู้ร้อง) เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของลูกหนี้อยู่แล้ว แต่ทรัพย์สินของลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่น (โจทก์) ยึดไว้ก่อน ทำให้ผู้ร้องไม่สามารถยึดซ้ำได้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ทันที แม้ว่าในคดีของตนเอง ผู้ร้องจะยังไม่ได้ขอให้ศาลออกคำบังคับและหมายบังคับคดีก็ตาม
ข้อสังเกต: คำพิพากษาดังกล่าวยืนยันว่า สิทธิในการขอเฉลี่ยทรัพย์จะเกิดขึ้นโดยอาศัยสิทธิตามกฎหมาย เมื่อเกิดภาวะห้ามยึดซ้ำ และเมื่อผู้ขอเฉลี่ยได้ยื่นคำร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ก็ถือว่าได้รักษาอายุความในการบังคับคดีของตนไว้แล้วด้วย
บทสรุป
การขอเฉลี่ยทรัพย์เป็นกลไกทางกฎหมายที่สร้างความยุติธรรมให้กับเจ้าหนี้ผู้ตามมาทีหลัง ซึ่งไม่สามารถบังคับคดีโดยการยึดทรัพย์ซ้ำได้อีก แต่เพื่อความสำเร็จในการขอเฉลี่ย เจ้าหนี้จำเป็นต้องเข้าใจ "นาทีทอง 14 วัน" และที่สำคัญที่สุดคือการ เตรียมหลักฐานที่หนักแน่น เพื่อพิสูจน์ต่อศาลให้ได้ว่า ลูกหนี้ตามคำพิพากษา "ไม่เหลือทรัพย์สินอื่นใดอีกแล้ว" นอกเหนือจากทรัพย์ที่ถูกยึดอยู่ในคดีนี้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเข้มงวดที่สุดสำหรับการใช้สิทธินี้
จัดทำโดย....ทนายตรินัยน์ นบ, เนติบัณฑิตไทย