ฟ้องเช่าซื้อรถยนต์ ผู้เช่าซื้อ และผู้ค้ำ ต้องรับผิดเพียงใด

39 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ฟ้องเช่าซื้อรถยนต์ ผู้เช่าซื้อ และผู้ค้ำ ต้องรับผิดเพียงใด

ผู้เช่าซื้อ–ผู้ค้ำ ต้องรับผิดแค่ไหน? กรณีฟ้องเช่าซื้อรถยนต์


บทนำ
ในคดีเช่าซื้อรถยนต์ หลายครั้งบริษัทผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้ฟ้องเพียงผู้เช่าซื้อเท่านั้น แต่ยังฟ้องผู้ค้ำประกันร่วมด้วย ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า ผู้เช่าซื้อกับผู้ค้ำต้องรับผิดอย่างไรบ้าง และในกรณีใดผู้ค้ำอาจพ้นความรับผิด การรู้ความแตกต่างนี้เป็นเรื่องจำเป็น เพราะหากไม่เข้าใจ อาจเสียสิทธิหรือแบกรับภาระเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด


หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้เช่าซื้อ
ป.พ.พ. มาตรา 572–574 : ผู้เช่าซื้อต้องส่งค่างวดตามสัญญา หากผิดนัดติดต่อกัน 3 งวดขึ้นไป ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกรถคืนได้
มาตรา 383 : ข้อกำหนดเรื่องเบี้ยปรับ ศาลมีอำนาจลดหากเห็นว่าเกินส่วน
ผู้ค้ำประกัน
มาตรา 680 : ผู้ค้ำต้องรับผิดหนี้แทนลูกหนี้ หากลูกหนี้ไม่ชำระ
มาตรา 686 : หากเจ้าหนี้ไม่บอกกล่าวการผิดนัดภายใน 60 วันนับแต่ลูกหนี้ผิดนัด ผู้ค้ำพ้นจากความรับผิดในดอกเบี้ยและค่าเสียหายที่เกิดภายหลัง
มาตรา 681, 697 : ผู้ค้ำมีสิทธิเรียกร้องลูกหนี้ให้รับผิดก่อน หรือไล่เบี้ยคืนภายหลัง

แนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง
ฎีกาที่ 1625/2563
ศาลวางหลักว่า ในคดีผู้บริโภค ศาลมีอำนาจตรวจสอบความสุจริตของผู้ประกอบธุรกิจ และสามารถลดเบี้ยปรับหรือดอกเบี้ยที่เกินส่วนได้
ฎีกาที่ 6779/2567
ศาลเห็นว่า ค่าขาดราคาที่ผู้ให้เช่าซื้อเรียกหลังการขายทอดตลาด เป็น “เบี้ยปรับ” ตามมาตรา 383 ซึ่งศาลมีอำนาจลดลงได้ และหากผู้เช่าซื้อคืนรถโดยสมัครใจ ถือว่าสัญญาเลิกกันได้ตาม มาตรา 573
ฎีกาที่ 3252/2565
วางหลักว่าหากผู้ให้เช่าซื้อไม่บอกกล่าวผู้ค้ำภายใน 60 วันนับแต่ผิดนัด ผู้ค้ำพ้นจากดอกเบี้ยและค่าเสียหายภายหลัง แต่ยังต้องรับผิดในหนี้หลัก เช่น ค่าขาดราคาจากการขายทอดตลาด
ฎีกาที่ 2056/2527 และ 1213/2539
ยืนยันว่าหากจำเลย (ผู้เช่าซื้อ) ยอมรับผิดหรือคืนรถโดยสมัครใจ ศาลอาจพิจารณาลดหย่อนโทษหรือบรรเทาความรับผิดได้ตามพฤติการณ์

การวิเคราะห์รายบุคคล
1) ผู้เช่าซื้อ (จำเลยที่ 1)

ต้องรับผิดชำระค่างวดและหนี้ส่วนที่เหลือ
หากมีการขายทอดตลาด บริษัทสามารถเรียกส่วนขาดราคาได้ แต่ต้องโปร่งใส มีหลักฐานการขายชัดเจน (ฎีกาที่ 6779/2567)
ดอกเบี้ยและค่าปรับที่สูงเกินไป ศาลมีสิทธิลดลงได้ (ฎีกาที่ 1625/2563)
2) ผู้ค้ำประกัน (จำเลยที่ 2)

ต้องรับผิดในหนี้ที่เกิดจากการผิดนัดของผู้เช่าซื้อ
แต่หากบริษัทไม่บอกกล่าวผู้ค้ำภายใน 60 วัน ผู้ค้ำพ้นจากดอกเบี้ยและค่าเสียหายภายหลัง (ฎีกาที่ 3252/2565)
หากผู้ค้ำเสียชีวิตก่อนการผิดนัด หนี้ใหม่ไม่ตกทอดถึงทายาท เว้นแต่สัญญาจะระบุชัดเจน

บทสรุป
ในคดีเช่าซื้อรถยนต์ ผู้เช่าซื้อ มีหน้าที่หลัก ต้องรับผิดเกือบทุกกรณี ทั้งค่างวด ดอกเบี้ย และส่วนขาดราคาหลังขายทอดตลาด แต่ยังมีสิทธิทักท้วงเรื่องการขายทอดตลาดที่ไม่โปร่งใสหรือค่าใช้จ่ายที่เกินส่วนได้ ส่วน ผู้ค้ำประกัน ต้องรับผิดร่วมกับผู้เช่าซื้อ แต่มีข้อยกเว้นสำคัญ โดยเฉพาะการบอกกล่าวภายใน 60 วัน

--- ข้อคิดสำหรับผู้บริโภค

ผู้เช่าซื้ออย่าลืมตรวจสอบเอกสารการบอกเลิกสัญญาและวิธีขายทอดตลาด
ผู้ค้ำประกันควรระวังสิทธิของตนเอง โดยเฉพาะการบอกกล่าวตามมาตรา 686
การมีทนายช่วยตรวจสอบแนวฎีกาและข้อกฎหมาย สามารถช่วยลดภาระหรือทำให้พ้นความรับผิดได้

ทนายตรินัยน์   นบ,  เนติบัณฑิตยไทย 

Powered by MakeWebEasy.com